IRPC บวกกว่า 2% นิวไฮรอบ 1 เดือน โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” ฟันกำไร Q2 โตเด่น!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ล่าสุด ณ เวลา 11.03 น. อยู่ที่ 6.60 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.33% สูงสุดที่ 6.65 บาท ต่ำสุดที่ 6.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 567.50 ล้านบาท

โดย ราคาหุ้น IRPC ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 6.60 บาท เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2561

ขณะเดียวกัน บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” IRPC ให้ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท/หุ้น คาดว่าในไตรมาส 2/61 บริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 247% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ Stock Gain ที่มากถึง 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 ที่มี Stock Gain เพียง 204 ล้านบาท ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่ม

ส่วนกำไรจากการดำเนินงานปกติ ประเมินว่าบริษัทจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยบริษัทมีกำลังกลั่นรวมอยู่ที่ 2.11 แสนบาร์เรลต่อวัน ทรงตัว เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่กำไรปกติที่ปรับลดลง เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของค่าการกลั่นในกลุ่มธุรกิจการกลั่นที่ปรับลดลงในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำคัญทั้งน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล

รวมไปถึงส่วนต่างราคาปิโตรเคมีจากต้นทุนผลิตที่ปรับเพิ่มตามทิศทางของราคาน้ำมัน ทำให้เราคาดว่าบริษัทจะมีค่าการกลั่นรวม (Market GIM) อยู่ที่ 13.9 เหรียญต่อบาณร์เรล ลดลง 1.4% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน โดยเมื่อรวมกับ Stock Gain ที่เราประเมินไว้ในไตรมาส 2/61 บริษัทจะมี Accounting GIM อยู่ที่ 17.5 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 21.5%เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน

ด้าน บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” IRPC ราคาเป้าหมาย 7.70 บาท/หุ้น คาดผลประกอบการไตรมาส 2/61 ของ IRPC จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้นโดดเด่น 44.2% จากไตรมาสก่อน และ 223% จากปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้กำไรสต๊อกน้ำมันจำนวน 1.8 พันล้านบาท หรือราว 3$/bbl

ทั้งนี้หากตัดรายการพิเศษอื่นๆออก คาด กำไรปกติจะปรับลดลง 9.1% จากไตรมาสก่อน และ 7.4% จากปีก่อน อยู่ที่ 2,073 ล้านบาท โดยกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม : เผชิญแรงกดดันจากการใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นลดลง 1.5% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 210 KBD Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมส่วนใหญ่อ่อนตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงต้นทุน Crude Premium ที่ยังทรงตัวสูง

ขณะที่กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกชนิดปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน จากต้นทุน Naphtha ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่ยังมีส่วนชดเชยจากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานโอเลฟินส์และสไตรีนิคส์ที่หยุดซ่อมบำรุงตามแผนไปตอนไตรมาส 1/61 รวมแล้วยังพอจะช่วยพยุงให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมทุกธุรกิจ (Market GIM) ลดลงแค่ 1.3% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 13.9$/bbl

รวมถึงเมื่อรวมกับ Stock Gain Accounting GIM จะอยู่ที่ 16.9$/bbl ซึ่งหากกำไรออกมาเป็นไปตามคาด ในช่วงครึ่งแรกปี 61 กำไรสุทธิจะเท่ากับ 6,719 ล้านบาท เพิ่มขึ้นโดดเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 87%จากปีก่อน