SETดิ่งเกือบ 20 จุด เสี่ยงหลุดแนวรับ 1,700จุด ฟากโบรกฯแนะ3หุ้นเด่นเน้น“เก็งกำไรระยะสั้น”
SET ดิ่งเกือบ 20 จุด เสี่ยงหลุดแนวรับ 1,700 จุด ฟากโบรกฯแนะ 3 หุ้นเด่นเน้น “เก็งกำไรระยะสั้น” โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 15.30 น. อยู่ที่ระดับ 1,703.28 จุด ลบ 18.73 จุด หรือ 1.09% มูลค่าซื้อขาย 3.68 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 15.30 น. อยู่ที่ระดับ 1,703.28 จุด ลบ 18.73 จุด หรือ 1.09% มูลค่าซื้อขาย 3.68 หมื่นล้านบาท
ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้กลับมาอีกครั้ง ภายหลังจากที่สหรัฐขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเป็น 25% จากก่อนหน้านี้ระบุว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 10% นอกจากนี้ก็ยังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงเป็นผลจากสต็อคน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นมาหลายวันติดต่อกัน ขณะนี้มีแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,720 จุด และหากดัชนีฯยังไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1,705 จุด มองว่าน่าจะเป็นการย่อตัวลงเล็ก ๆ เท่านั้น เนื่องจาก Fund Flow ยังไหลกลับมาที่ Emerging Market มากขึ้น และเงินบาทก็เริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิ 3 วันติดต่อกัน รวมถึงได้ทำ Net Long ในตลาด TFEX รวม 8 วันที่ผ่านมาถึง 70,000 สัญญา ทำให้ภาพรวมตลาดบ้านเราถือว่าใช้ได้
อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจไทยก็ออกมาดี ขณะนี้รอเพียงการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเพื่อยืนยันภาพรวมเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยสัปดาห์นี้ ADVANC จะประกาศงบการเงินไตรมาส 2/61 และสัปดาห์หน้าก็จะมีหุ้นอีกหลายตัวทยอยประกาศออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,720 จุด
ขณะที่ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในช่วงรับรู้การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2561 ซึ่งคาดว่าจะดีกว่าที่ตลาดคาดหวัง อาจทำให้ยังคงมีแรงซื้อหุ้นพื้นฐานต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยปลายเดือนกรกฎาคม และอาจคาดหวังแรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม ซึ่งการเวียนกลุ่มซื้อหุ้นใหญ่คาดว่าจะยังคงอยู่กับตลาดในระยะสั้น แม้ว่าตลาดได้ปรับขึ้นมากแล้ว แต่เชิงกราฟยังไม่ได้เข้าสู่เขตซื้อมากเกินไป โดยวันนี้คาดหวังได้เห็นแรงขายทำกำไรสั้นในหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาก แต่ภาพรวมตลาดยังคงเหมาะที่จะเลือกตัวซื้อ เลือกตัวซื้อเก็งกำไรสั้น
โดยหุ้นเด่นที่เหมาะแก่การเข้าซื้อเก็งกำไรในช่วงนี้ ประกอบด้วย
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าพื้นฐาน 70 บาท โดยมีการประเมิน Spread PTA และ MEG จะปรับขึ้นต่อในช่วงครึ่งหลังปี 2561 เนื่องจากกำลังการผลิต Polyester ที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเท่ากับดีมานด์เพิ่มขึ้นขณะที่อุปทานจำกัด เป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของ IVL (โดย IVL มีสัดส่วน EBITDA จากผลิตภัณฑ์ PTA และ MEG คิดเป็น 30% และ 10% ตามลำดับ) อีกทั้งประเมินกำไรช่วงไตรมาส 2/61 ที่ระดับ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 135% จากปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสก่อน พร้อมประเมินแนวรับ 59 บาท แนวต้าน 61.5 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 63 บาท (Stop loss 57 บาท)
บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ราคาเป้าพื้นฐาน 30 บาท โดยประเมินกำไรไตรมาส 2/61 ที่ระดับ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อน แต่ลดลง 23% จากไตรมาสก่อน ขณะที่คงประมาณการกำไรปีนี้ไว้ที่ 1.99 พันล้านบาท เติบโต 41%จากปีก่อน และคาดว่ายอดขายที่ดินจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ พร้อมประเมินแนวรับ 20.0 บาท แนวต้านเทรนไลน์ 21 บาท หากผ่านได้ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 22 บาท (Stop loss 19.6 บาท)
บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ราคาเป้าพื้นฐาน 13.1 บาท โดยประเมินแนวรับ 12.0 บาท แนวต้าน 12.6 บาท และลุ้นปิดแก็บราคา 13.6 บาท (Trailing stop ล็อคกำไร 11.4 บาท โดยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน และเทิร์นอะราวด์จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากราคาก๊าซ LPG ในช่วงไตรมาส 2/61 ที่ปรับขึ้น 16.7% (เทียบกับไตรมาส 1/61 ที่ราคาก๊าซ LPG ปรับลงถึง 17%)