นักลงทุนสับสน 3 โบรกฯ เสียงแตก ปรับคำแนะนำหุ้นท่องเที่ยวต่างกันสุดขั้ว!

กระทรวงท่องเที่ยวเผยตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือนก.ค.โต 4% ยังมั่นใจรายได้ปี 61 แตะ 3 ล้านล้านบาท ฟาก 3 โบรกฯ เสียงแตกปรับคำแนะนำต่างกันสุดขั้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติในวันนี้ (2 ก.ค.2561) ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ก.ค.61 ขยายตัวเพียง 4% เนื่องจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีนและยุโรป

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 19.48 ล้านคน ขยายตัว 12.46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในเดือน มิ.ย.มีการขยายตัวสูงถึง 11.57% นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย และอินเดีย

อย่างไรก็ตาม กระทรวงยังมั่นใจรายได้จากการท่องเที่ยวตลอดปี 61 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท และจากไทยเที่ยวไทย 1 ล้านล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน ,รัสเซีย และมาเลเซีย

โดยในประเด็นดังกล่าวนักวิเคราะห์หลายสถาบันต่างออกมาให้คำแนะนำการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งปรากฏว่า บริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 3 บล.ให้คำแนะนำที่แตกต่างกันดังนี้

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเผยนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในเดือน ก.ค.61 ขยายตัว 4% ชะลอลงจาก 11.57% ในเดือนก่อน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนและยุโรปชะลอลง

ทั้งนี้ มุมมองกลยุทธ์ประเมินเดือนที่ผ่านมาการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบระยะสั้นจาก World Cup 2018 ที่กดดันนักท่องเที่ยวยุโรป และผลเรือล่มภูเก็ตกดดันนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม การที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังโตได้ 4% สะท้อนอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และจับตาการเร่งตัวขึ้นของนักท่องเที่ยวในเดือน ส.ค. จึงแนะนำสะสมหุ้นท่องเที่ยว AOT, ERW

 

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุว่า กระทรวงท่องเที่ยวฯ เผยจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ก.ค. ขยายตัว 4% จากปีก่อน พบการชะลอตัวที่นักท่องเที่ยวจีน และ ยุโรป ทั้งนี้ ในภาพรวมถือว่า เป็นการชะลอตัวจากเดือน มิ.ย. ที่ขยายตัว 11.6% จากปีก่อน ขณะที่ยังมั่นใจเป้ารายได้ปี 61 ที่ 3 ล้านล้านบาทตามเดิม โดยยังคงมุมมอง “ชะลอการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยว”

 

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยให้น้ำหนักกลุ่มโรงแรม “เท่ากับตลาดฯ” โดยประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ CENTEL และ ERW มีโอกาสชะลอตัวจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป และนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัว

โดย ประเมินว่า MINT จะมีผลการดำเนินงานที่เด่นจากธุรกิจโรงแรมในโปรตุเกส และ มัลดีฟส์ ด้วยภาพรวมของกลุ่มที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน CENTEL และ ERW ไม่โดดเด่น ส่วน MINT มี Valuation ที่ไม่ถูก จึงแนะนำน้ำหนักการลงทุนเพียง “เท่ากับตลาดฯ” สำหรับกลุ่มโรงแรม

Back to top button