สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 7 ส.ค. 2561
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงหุ้นเทสลาและหุ้นอัลฟาเบท ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,628.91 จุด พุ่งขึ้น 126.73 จุด หรือ +0.50% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,883.66 จุด เพิ่มขึ้น 23.99 จุด หรือ +0.31% และดัชนี S&P500ปิดที่ 2,858.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.05 จุด หรือ +0.28%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคึกคัก นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคัก
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 390.49 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,648.19 จุด เพิ่มขึ้น 49.98 จุด หรือ +0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,521.31 จุด เพิ่มขึ้น 44.13 จุด หรือ +0.81% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,718.48 จุด เพิ่มขึ้น 54.70 จุด หรือ +0.71%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมทั้งหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดีดตัวขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้นในอัตราที่แข็งแกร่งสุดในรอบ 8 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,718.48 จุด เพิ่มขึ้น 54.70 จุด หรือ +0.71%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนสัญญาทองคำปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กส่งผลให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 1,218.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.5 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 15.373 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ 831.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 902.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 69.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1594 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1553 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2935 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2943 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7423 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7389 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.42 เยน จากระดับ 111.39 เยน แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9956 ฟรังก์ จากระดับ 0.9963 ฟรังก์