สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 8 ส.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศต่างก็ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25% เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดิ่งลงอย่างหนัก รวมทั้งผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,583.75 จุด ลดลง 45.16 จุด หรือ -0.18% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,857.70 จุด ลดลง 0.75 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,888.33 จุด เพิ่มขึ้น 4.66 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,776.65 จุด เพิ่มขึ้น 58.17 จุด หรือ +0.75%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศต่างก็ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25% เมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.2% แตะที่ระดับ 389.69 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,633.54 จุด ลดลง 14.65 จุด หรือ -0.12% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,501.90 จุด ลดลง 19.41 จุด หรือ -0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,776.65 จุด เพิ่มขึ้น 58.17 จุด หรือ +0.75%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.23 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 66.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 2.37 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 72.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐและจีนใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าล่าสุดเมื่อวานนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,221 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.9 เซนต์ หรือ 0.38% ปิดที่ 15.432 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.9 ดอลลาร์ หรือ 0.23% ปิดที่ 829.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 886.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศต่างก็ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25% เมื่อวานนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.97 เยน จากระดับ 111.42 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9929 ฟรังก์ จากระดับ 0.9956 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1618 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1594 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2892 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2935 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7438 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7423 ดอลลาร์สหรัฐ