TASCO รายได้ลด-ค่าใช้จ่ายพุ่ง ฉุดกำไร Q2/61 ร่วง 64.78% เหลือ 121.19 ลบ.
TASCO รายได้ลด-ค่าใช้จ่ายพุ่ง ฉุดกำไร Q2/61 ร่วง 64.78% เหลือ 121.19 ลบ. จากปีก่อน 344.05 ลบ. ขณะที่งวด 6 เดือนกำไรลดลง 73.11% เหลือ 425.27 ลบ. จากปีก่อนกำไร 1.58 พันลบ.
บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.61 ดังนี้
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากรายได้จากการขายและบริการจำนวน 5,766 ล้านบาท ลดลง 29.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายในตลาดต่างประเทศที่ลดลงอย่างมากในไตรมาส 2/61 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการผลิตยางมะตอยจากโรงกลั่นที่น้อยลงเพราะปัญหาการจัดส่งน้ำมันดิบที่ล่าช้าจากผู้ผลิตน้ำมันดิบ รวมถึงการปิดโรงกลั่นเพื่อซ่อมบำรุงตามแผนงานตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.61 อย่างไรก็ตามราคาสินค้าปรับเพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบ Brent ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2
อีกทั้ง ต้นทุนการขายและบริการในไตรมาส 2/61 มีจำนวน 5,059 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87.7% ของรายได้จากการขายและบริการ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ซึ่งคิดเป็น 90.2% ของรายได้จากการขายและบริการ ต้นทุนขายดังกล่าวเป็นยอดต้นทุนที่ไม่ได้รวมผลกระทบจากการตั้งสำรองเผื่อการลดลงในมูลค่าของสินค้าคงเหลือซึ่งมีการป้องกันความเสี่ยงจากการประกันราคาสินค้าอย่างเพียงพอแล้ว
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์ยางมะตอยปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนราคาน้ำมันดิบที่ต่ำจากไตรมาส 1 โดยราคาน้ำมัน Brent เพิ่มสูงขึ้นจาก 69.93 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ณ มีนาคม 2561 เป็น 78.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีการบริหารจัดการเพื่อรักษาอัตรากำไรให้คงที่ในสภาวะตลาดที่การแข่งขันสูง
ด้าน ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารในไตรมาส 2/61 มีจำนวน 43.8 ล้านบาท และ 304.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.76% และ 5.29% ของรายได้จากการขายและบริการตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2560 ซึ่งมีจำนวน 38.5 ล้านบาท และจำนวน 251.8 ล้านบาท หรือ 0.47% และ 3.07% ของรายได้จากการขายและบริการตามลำดับ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้มีการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่ออัตรากำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการเงินในไตรมาส 2/61 เพิ่มขึ้นเป็น 37.3 ล้านบาท จาก 29.1ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ กำไรสุทธิรวมหลังหักภาษีสำหรับไตรมาส 2/61 มีจำนวน 121 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.08 บาท (ราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น) เปรียบเทียบกับกำไรต่อหุ้น 0.22 บาท สำหรับงวดเดียวกันของปี 2560 ซึ่งเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท