SQ ปลดล็อค “เหมืองแม่เมาะ 8” ดันกำลังผลิต 4 เท่าตัว หนุนผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัว

SQ ปลดล็อค "เหมืองแม่เมาะ 8" เดินหน้าระบบสายพาน ดันกำลังผลิต 4 เท่าตัว หนุนผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัว


นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสหกลอิควิปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2561 บริษัทฯสามารถซ่อมแซมติดตั้งและเปิดใช้งานระบบสายพานใหม่ของโครงการแม่เมาะ 8 ได้แล้ว หลังจากเกิดเหตุดินนอกพื้นที่ทำงานโครงการแม่เมาะ 8 ยุบลงตัว ทำความเสียหายแก่ระบบสายพานโครงการแม่เมาะ 8 ขึ้นได้ประมาณ 4 เท่าตัวจากปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตในโครงการหงสาโดยเพิ่มจำนวนรถขุดและรถบรรทุกขนาดเล็กเพื่อทำงานขุดขนดินตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตมากขึ้นจากครึ่งปีแรกอย่างมีนัยยะ

“ผลกระทบจากเหตุดินยุบตัวที่เหมืองแม่เมาะ ซึ่งกระทบต่อการทำงาน ของบริษัทฯในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาน่าจะจบสิ้นแล้ว การเปิดเดินระบบสายพานจะช่วยให้บริษัทฯ เพิ่มการขุดขนดินและถ่านหินขึ้นได้ถึง 4 เท่าตัว โดยบริษัทฯจะเร่งรัดงานในครึ่งปีหลังนี้และในปีหน้าอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยกับปริมาณที่ลดลงจากผลกระทบจากดินยุบตัว และบริษัทฯมั่นใจว่า จะสามารถขุดขนดินและถ่านหินให้กับกฟผ. ได้ตามสัญญา”

โดยผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกปี 2561 นั้น เป็นไปตามที่คาดหมายคือบริษัทฯได้รับผลกระทบชั่วคราวจากเหตุดินนอกพื้นที่ทำงานของโครงการ การยุบตัวลงมาทำความเสียหายต่อระบบสายพานของโครงการแม่เมาะ 8 ทำให้บริษัทฯต้องใช้รถบรรทุกทำงานแทนระบบสายพานเป็นการชั่วคราวส่งผลให้ปริมาณผลผลิตและการรับรู้รายได้ได้น้อยกว่าการทำงานโดยระบบสายพานตามแผนที่วางไว้อย่างมีนัยยะ

ขณะเดียวกันการใช้รถบรรทุกมีต้นทุนในการดำเนินงานต่อหน่วยสูงกว่าการทำงานโดยระบบสายพานเมื่อเทียบกับผลประกอบการในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ใน 6 เดือนแรก บริษัทฯมีรายได้รวม 1,656.13 ล้านบาท ลดลง 285.16 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 14.69 โดยปัจจัยหลักเกิดจากราคางานขุดขนดินต่อหน่วยตามสัญญาของโครงการแม่เมาะ 8 โดยใช้ระบบสายพานจะต่ำกว่าราคางานในช่วง 2 ปีแรกที่ใช้รถบรรทุกซึ่งมีต้นทุนสูง ส่วนต้นทุนเพิ่มขึ้น 375.06 ล้านบาทหรือ 30.8% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากต้นทุนค่าเสื่อมราคาโครงการแม่เมาะ 8 เพิ่มขึ้นจำนวน 102.1 ล้านบาท จากการปรับแผนการทำงานที่ต้องใช้รถบรรทุกทำงานแทนระบบสายพานซึ่งเมื่อระบบสายพานกลับมาทำงานได้ ต้นทุนค่าน้ำมันจะลดลง

พร้อมทั้ง ต้นทุนค่าเสื่อมราคาโครงการแม่เมาะ 8 เพิ่มขึ้นจำนวน 142.3 ล้านบาท จากจำนวนเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้น รวมถึง ต้นทุนค่าแรงงานเพิ่มขึ้นจำนวน 37.4 ล้านบาท ตามแผนบุคคลากรของโครงการแม่เมาะ 8 ซึ่งต้องรับบุคลากรเพื่อเตรียม ความพร้อมล่วงหน้าและ อีกทั้ง ต้นทุนน้ำมันโตรงการหงสาเพิ่มขึ้นจำนวน 47.8 ล้านบาท จากราคาของน้ำมันเฉลี่ยที่สูงขึ้น เป็นต้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้น มีจำนวน 45.56 ล้านบาท ลดลง 669.31 ล้านบาท หรือลดลง 93.63% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

โดยเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นประมาณ 34.2 ล้านบาทจากการเบิกเงินกู้ระยะยาวเพื่อลงทุนในโครงการแม่เมาะ 8 ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 96.22 ล้านบาท หรือลดลง 124.58% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

นอกจากนี้ นายศาศวัต กล่าวเสริมว่า ปัจจุบัน บริษัทฯมีปริมาณงานที่เซ็นสัญญาแล้วคงเหลือประมาณ 34,853 ล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้ไปอีกประมาณ 9 ปี ประกอบด้วย โครงการแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 19,814 ล้านบาท โครงการหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมูลค่าประมาณ 10,463 ล้านบาท โครงการแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 905 ล้านบาท และโครงการเหมืองแร่ดีบุกเมืองเฮนดา สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า มูลค่าประมาณ 3,672 ล้านบาท

Back to top button