ก.ล.ต.ไฟเขียว 7 ผู้ประกอบการลุย “เงินดิจิทัล” ชั่วคราว ก่อนส่งคลังพิจารณาออกใบอนุญาต
ก.ล.ต.ไฟเขียว 7 ผู้ประกอบการลุย “เงินดิจิทัล” ชั่วคราว ก่อนส่งคลังพิจารณาออกใบอนุญาต พร้อมแนะนำนักลงทุนศึกษาข้อมูลและตรวจสอบผู้ประกอบการก่อนเข้าลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 อนุญาตให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้วก่อนวันที่กฎหมายมีผล และได้ยื่นคำขออนุญาตต่อ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในกำหนด 90 วัน (ภายในวันที่ 14 สิงหาคม 2561) สามารถประกอบธุรกิจดังกล่าวต่อไปได้จนกว่าจะมีคำสั่งไม่อนุญาต ทั้งนี้ จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2561 มีผู้ประกอบธุรกิจรายเดิมที่ยื่นขออนุญาตตามบทเฉพาะกาล ซึ่งจะสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ จำนวน 7 ราย ดังนี้
ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) 5 ราย
1.บริษัท บิทคอยน์ จำกัด (BX)
2.บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (BITKUB)
3.บริษัท แคชทูคอยน์ จำกัด (Cash2coin)
4.บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TDAX)
5.บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset)
ผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Dealer) 2 ราย ได้แก่
1.บริษัท คอยส์ ทีเอช จำกัด (Coins TH)
2.บริษัท ดิจิทัลคอยน์ จำกัด (ThaiWM)
นอกจากนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างสอบทานข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอีก 2 ราย ที่ได้ยื่นคำขออนุญาตตามบทเฉพาะกาล เพื่อยืนยันว่าได้มีการประกอบธุรกิจอยู่ก่อนวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 หรือไม่ และจะเปิดเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. ต่อไป โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอข้างต้นก่อนเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตต่อไป
ด้านนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ผู้ที่สนใจลงทุนต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และสามารถรับความเสี่ยงในการสูญเงินลงทุนได้ และในกรณีที่มีผู้มาชักชวนให้ลงทุน ผู้ลงทุนควรตรวจสอบว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจตามรายชื่อที่ ก.ล.ต. เปิดเผยไว้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบธุรกิจที่ไม่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวและประสงค์จะประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สามารถยื่นขอใบอนุญาตต่อ ก.ล.ต. ได้ และจะสามารถประกอบธุรกิจได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง