ILINK วิ่งแรง 5 วันติด บวกต่อเกือบ5% นิวไฮในรอบ 2เดือน โบรกฯคาดครึ่งปีหลังสดใสรับไฮซีซั่น
ILINK วิ่งแรง 5 วันติด บวกต่อเกือบ5% นิวไฮในรอบ 2เดือน โบรกฯคาดครึ่งปีหลังสดใสรับไฮซีซั่น โดยปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 5.60 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.67% สูงสุดที่ระดับ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 19.30 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 5.60 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.67% สูงสุดที่ระดับ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 19.30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 5.15 บาท เมื่อวันที่ 16 ส.ค.61 อีกทั้งปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใรรอบ 2 เดือน นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 5.80 บาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61
ด้าน บล.จีเอ็มโอ-แซด คอม ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ส.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท/หุ้น โดยงวดไตรมาส 2/61 บริษัทมีรายได้รวมที่ระดับ 1,280.7 ล้านบาท ลดลง 5.4% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้ในธุกิจ Distribution และธุรกิจ Engineering ที่ลดลง เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงที่มีวันทำงานน้อยและติดวันหยุดยาว แต่หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนยังเติบโตโดดเด่น เพิ่มขึ้น 49.2% จากปีก่อน จากธุรกิจ Engineering มีการรับรู้รายได้ของโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM)
อีกทั้ง ธุรกิจ Telecom การรับรู้รายได้จากการติดตั้งโครงการอินเตอร์เน็ตชายขอบ ในส่วนของ Gross Margin ทำได้ที่ระดับ 18.1% ดีกว่าไตรมาสก่อนที่ 16.7% จากการพยายามควบคุมและลดต้นทุนสินค้าส่งผลให้ธุรกิจ Distribution มี Margin ดีขึ้น นอกจากนั้นในไตรมาสนี้ยังมีรายการพิเศษจากการขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ ITEL จำนวน 15.0 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/61 ที่ระดับ 63.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากไตรมาสก่อน และ 12.1% จากปีก่อน แต่หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวกำไรจะอยู่ที่ระดับ 48.3 ล้านบาท ลดลง 15.6% จากไตรมาสก่อน และลดลง 14.5% จากปีก่อน (ต่ำกว่าประมาณการของเราราว ลดลง 14.7%)
ขณะที่ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก 2561 เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากธุรกิจ Distribution เติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่ Fiber Optic To The Home และความต้องการ Fiber Optic ที่เพิ่มสูงขึ้น
พร้อมทั้ง ธุรกิจ Engineering เติบโตจากการทยอยรับรู้ยอด Backlog ราว 2.9 พันล้านบาท และการประมูลงานใหม่เพิ่มเติม อีกทั้ง ธุรกิจ Telecom ขยายตัวจากงานรับเหมาติดตั้ง และการขยาย Data Center แห่งใหม่ซึ่งจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/61 คงประมาณการกำไรปกติปี 61 ที่ระดับ 183.8 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 554.6% จากปีก่อน เมื่อเทียบกับฐานต่ำในปีก่อน
อย่างไรก็ตาม มองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปีที่ผ่านมา และเริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมปี 18 ที่ 6.50 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันราว 21.5%