PTG ร่วง 3% นิวโลว์รอบ 2 ปี 8 เดือน หลังปรับเป้ายอดขายลงตามภาวะเศรษฐกิจซบเซา

PTG ร่วง 3% นิวโลว์รอบ 2 ปี 8 เดือน หลังปรับเป้ายอดขายลงตามภาวะเศรษฐกิจซบเซา ณ เวลา 15.50 น. อยู่ที่ระดับ 11.40 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 3.39% สูงสุดที่ระดับ 12 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 351.13 ล้านบาท โดยราคาหุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ณ เวลา 15.50 น. อยู่ที่ระดับ 11.40 บาท ลบ 0.40 บาท หรือ 3.39% สูงสุดที่ระดับ 12 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 351.13 ล้านบาท โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาปิดที่ระดับ 11.30 บาท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2558

โดยราคาหุ้น PTG ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 12.80 บาท เมื่อวันที่ 20 ส.ค.61 หลังมีการรายงานข่าวว่าบริษัทปรับเป้าหมายยอดขาย หรือปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ปีนี้ลดลงเหลือโต 17-18% จากเดิมที่คาดโตได้ 20-25% เนื่องจากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดยังคงฟื้นตัวได้ช้า ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงดังกล่าว

อนึ่งเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 61 นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับเป้าหมายยอดขาย หรือปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน ปีนี้ลดลงเหลือโต 17-18% จากเดิมที่คาดโตได้ 20-25% เนื่องจากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดยังคงฟื้นตัวได้ช้า

โดยราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ยังอยู่ในระดับต่ำส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของเกษตรกรปรับตัวลดลง ทำให้ยอดขายต่อสาขาเติบโตลดลงด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ายอดขายในครึ่งปีหลังนี้น่าจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกราว 3-5% จากไตรมาส 4/61 จะเป็นช่วงของไฮซีซั่นของธุรกิจ

พร้อมกันนั้น บริษัทยังปรับลดเป้าหมายการขยายสถานีบริการน้ำมัน PT ในปีนี้ให้เป็น 1.9 พันสาขา จากเดิมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งสิ้น 2 พันสาขา เนื่องด้วยบริษัทจะกลับมามุ่งเน้นการให้บริการสาขาที่มียอดขายเติบโตดี เพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้ดีขึ้น โดยในครึ่งปีหลังนี้จะขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 15-20 สาขา/เดือน จากครึ่งปีแรกมีสาขาทั้งสิ้นแล้วจำนวน 1.8 พันสาขา

ส่วนธุรกิจ non-oil ยังตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะทำได้ 15-20% ตามการขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มเป็น 180 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 165 สาขา และร้านสะดวกซื้อ Max Mart เพิ่มเป็น 160-170 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 140 สาขา ส่วนศูนย์ซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck จะเพิ่มเป็น 15 สาขา จากเดิมอยู่ที่ 11 สาขา และศูนย์ซ่อมสำหรับรถยนต์ Autobacs จะเพิ่มเป็น 10 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 7-8 สาขา โดยการเติบโตของศูนย์ซ่อมบำรุงฯ ในปีนี้คาดว่าจะเป็นตัวเลขสองหลัก หลังจากครึ่งปีแรกมีการเติบโตราว 4% ต่อสาขา โดยบริษัทวางงบลงทุนรวมปีนี้ไว้ที่ 4-4.5 พันล้านบาท

สำหรับแผนการออกหุ้นกู้มูลค่า 600-1,000 ล้านบาท ในปีนี้ บริษัทมองว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกหุ้นกู้ดังกล่าวแล้ว และน่าจะชะลอแผนออกไปก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นด้วยการปรับลดการขยายสาขาลง ทำให้ใช้เงินลงทุนไม่มาก จากเดิมที่วางงบลงทุนไว้ 4-5 พันล้านบาท มาเป็นใช้ไม่เกิน 4-4.5 พันล้านบาท

ด้านโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์แห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง PTG กับพันธมิตรอีก 2 ราย โดยเริ่มผลิตไบโอดีเซล หรือ B100 และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค (โอเลอีน) ปัจจุบันได้มีการทดสอบการเดินเครื่องผลิตไปแล้ว 70% คาดว่าจะครบ 100% ในช่วงไตรมาส 4/61 ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาร่วมลงทุนในธุรกิจก๊าซหุงต้มในครัวเรือน (LPG) กับพันธมิตร บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มเห็นการลงทุนได้ในไตรมาส 4/61

“การปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนของตลาดโลก ยังคงเป็นความท้าทายในครึ่งปีหลัง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตเป็น 1.15 แสนล้านบาท หรือเติบโต 15-20% จากปีก่อน โดยบริษัทยังคงเป้าหมายในการมุ่งไปสู่ธุรกิจ non-oil เพื่อการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและสม่ำเสมอในระยะยาว รวมทั้งยังวางแผนจะขยายพันธมิตรในการทำธุรกิจ เพื่อสามารถเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร” นายพิทักษ์ กล่าว

บริษัทฯ จะดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาสถานีบริการน้ำมันในเฟสแรกราว 40 สาขา ภายหลังจากที่ได้มีการทดสอบการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาไปแล้วจำนวน 2 สาขา ซึ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้ราว 20-22% คาดว่าจะดำเนินการในเฟสแรกได้ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป และน่าจะใช้ระยะเวลาในการติดตั้งประมาณ 1 เดือน

Back to top button