PYLON บวก 0.97% รับงานคอนโดหนุนต่อเนื่อง ลุ้นงานภาครัฐฯ ดัน Backlog พุ่ง
PYLON ปิดตลาดภาคเช้า ราคาอยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.97% สูงสุดที่ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ 10.30 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 26.97 ล้านบาท บล.ทรีนีตี้ มองว่า ใน 2H58 หุ้น PYLON จะได้รับงานต่อเนื่อง ทั้งงานภาคเอกชน-ภาครัฐฯ แนะนำ “ถือ” เป้าหมาย 10.40 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ปิดตลาดภาคเช้า ราคาอยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.97% สูงสุดที่ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ 10.30 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 26.97 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.76%
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (10 มิ.ย.) ว่า ในครึ่งหลังของปี 58 บริษัท PYLON มีโอกาสได้รับงานต่อเนื่อง ด้วยผลงาน และประสบการณ์ที่ผ่านมา PYLON เติบโตและได้รับความไว้วางใจให้รับงานฐานรากมาอย่างต่อเนื่อง มี Backlog ในมือปัจจุบันราว 808.5 ล้านบาท เป็นการรับงานใหม่ในปีนี้กว่า 578.5 ล้านบาท งานใหม่ที่ได้รับในปีนี้เป็นงานจากภาคเอกชนทั้งหมด จึงเป็นหนึ่งในสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่ยังคงดีอยู่
อีกทั้งคาดว่าในครึ่งปีหลังของปี 58 จะมีงานฐานรากจากภาคเอกชน โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการอสังหาออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น งานเสาเข็มคอนโดของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ซึ่ง PYLON เป็นพันธมิตรหลัก ราว 6 โครงการ คาดมีมูลค่างานกว่า 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีงานโครงการรถไฟสายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างเคลียร์พื้นที่เพื่อเริ่มการก่อสร้าง จะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้ โดยคาดจะมีมูลค่างานฐานรากกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่ง PYLON จะเข้าประมูล และหากได้รับงานก็มีโอกาสที่จะเป็นงานเฉพาะค่าแรงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นการรับงานในลักษณะผู้รับเหมาช่วง (subcontractor) ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้รับเหมาหลักจะรับหน้าที่จัดซื้อวัสดุก่อสร้างให้อยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยหนุนอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีงานประมูลภาครัฐในหลายโครงการที่คาดว่าจะออกมาในช่วงครึ่งหลังของปี 58 นี้ ซึ่งล้วนต้องอาศัยงานฐานรากในการก่อสร้างทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในรายได้ในไตรมาส 1/58 จะอ่อนตัวเล็กน้อย แต่มีกำไรที่สูงถึง 61 ล้านบาท ( เติบโต 20% จากไตรมาสก่อน และเติบโต 41% จากปีก่อน) ทั้งนี้เนื่องจากอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่โดดเด่นอยู่ที่ 24.6% เทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 57 ที่ผ่านมาที่ 22.3% โดยปัจจุบันมีงานที่เป็นงานค่าแรงอย่างเดียว (ซึ่งมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงอยู่ที่ราว 27-35%) อยู่ที่ราว 15% จาก Backlog ในมือปัจจุบันที่ 808.5 ล้านบาท ซึ่งงานดังกล่าวจะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด
ส่งผลให้คาดว่าอัตราการกำไรขั้นต้นในปีจะอยู่ในระดับสูงราว 24.5% คาด Backlog ในมือปัจจุบันที่ 808.5 ล้านบาท จะรับรู้ราว 94% ในปีนี้ ซึ่งหากรวมกับรายได้ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา จะมีรายได้ที่จะรับรู้ในปีนี้คิดเป็น 75% ของประมาณการรายได้ในปีนี้ นอกจากนี้การรับรู้ขาดทุนจากบริษัทลูกจะลดน้อยลงเรื่อยๆ เนื่องจากอยู่ในช่วงใกล้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 58 นี้ทั้งหมด ทั้งงานทำโกดังสินค้า งานเขื่อนเขาระกำ และงานชลประทานที่ตราด และบริษัทฯยังไม่มีแผนที่จะให้บริษัทลูกรับงานเพิ่ม แต่จะใช้ผลขาดทุนสะสมในบริษัทลูกมาใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับบริษัทแม่ คาดจะส่งผลให้ภาระทางภาษีของบริษัทในอนาคตลดลง และหนุนผลกำไรให้โตโดดเด่นได้
ทั้งนี้เริ่มต้นคำแนะนำ “ถือ” เป้าหมายปี 58 ที่ 10.40 บาท งาน margin ดีหนุนกำไรโดดเด่น มี Backlog ในมือกว่า 80% ของประมาณการรายได้ ในช่วงครึ่งปีหลังลุ้นงานจากทั้งภาครัฐ และเอกชน จึงเริ่มต้นคำแนะนำ ถือ โดยมีเป้าหมายปี 58 ที่ 10.40 บาท อิงจาก justified PE Ratio = 17 เท่า