ดาวโจนส์ปิดวานนี้พุ่ง 236 จุด รับเจรจากรีซส่งสัญญาณบวก

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (10 มิ.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ และ S&P 500 ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 1% หลังจากมีสัญญาณในด้านบวกว่า เยอรมนีอาจจะยอมรับเงื่อนไขการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ ซึ่งจะปูทางให้กลุ่มเจ้าหนี้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (10 มิ.ย.) ที่ 18,000.40 จุด พุ่งขึ้น 236.36 จุด หรือ +1.33% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,076.69 จุด เพิ่มขึ้น 62.82 จุด หรือ +1.25% S&P 500 ปิดที่ 2,105.20 จุด เพิ่มขึ้น 25.05 จุด หรือ 1.20%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากสัญญาณด้านบวกของการเจรจาหนี้กรีซ โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีอาจจะยอมรับเงื่อนไขการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซอย่างน้อย 1 เงื่อนไข ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดที่กลุ่มเจ้าหนี้จะใช้ประกอบการตัดสินใจในการให้ความช่วยเหลือกรีซ

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณด้านบวกว่า นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส อาจจะเต็มใจพบปะหารือกับนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ นอกรอบการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป-ลาตินอเมริกา ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

ทั้งนี้ สัญญาณบวกดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซและความเสี่ยงที่กรีซจะถูกบีบให้ออกจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน เนื่องจากเยอรมนีเป็นประเทศที่มีส่วนในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กรีซมากที่สุด โดยกรีซมีเวลาอีก 3 สัปดาห์ที่จะสรุปข้อตกลงกับเจ้าหนี้ให้ได้ก่อนที่โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในปัจจุบันจะสิ้นสุดลง

หุ้นทั้ง 10 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นถ้วนหน้า ซึ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นอินเทล และไมโครซอฟท์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.8% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นไอบีเอ็ม ต่างก็ทะยานขึ้นกว่า 1.8%

ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ต่างก็ปรับขึ้นกว่า 1.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.6% ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.1% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตันทะยานขึ้นกว่า 2%

ด้านนักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ โดยในวันนี้ สหรัฐจะเปิดเผยรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. ส่วนในวันศุกร์ จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button