NCHคาดรายได้ครึ่งปีหลังโตรับไฮซีซัน จ่อขนโครงการกว่า3พันลบ.ร่วมมหกรรมบ้านและคอนโด
NCHคาดรายได้ครึ่งปีหลังโตรับไฮซีซัน จ่อขนโครงการกว่า3พันลบ.ร่วมมหกรรมบ้านและคอนโดกระตุ้นยอดขาย
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCH เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของบริษัท พร้อมกันนี้ เตรียมจะนำโครงการในสต๊อก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทไปเสนอขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดในช่วงเดือน ต.ค.หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทนำโครงการไปเสนอขายในงาน Home Expo ได้รับผลตอบรับที่ดี
สำหรับเป้าหมายทั้งปีบริษัทยังคงมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 1,700 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 800 ล้านบาท หรือเติบโต 12.7% และคาดว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2,700 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกบริษัททำได้แล้ว 1,465 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 300 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด และในช่วงไตรมาส 4/61 บริษัทฯเตรียมที่จะเปิดโครงการใหม่ 3-4 โครงการ มูลค่ารวมราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวราบทั้งหมด มีราคาขายอยู่ที่ 2-6 ล้านบาทต่อยูนิต
ทั้งนี้ ในส่วนความกังวลในกระแสฟองสบู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น บริษัทไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาโครงการในกลุ่มแนวราบตามพื้นที่ชานเมืองที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และคู่แข่งไม่มากนัก ซึ่งยังได้รับการตอบรับที่ดี และด้วยภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมกันนี้บริษัทยังได้พัฒนาการให้บริการหลังการขายที่ทำให้ลูกค้าโครงการชื่นชอบในโครงการของบริษัทด้วย
“ปีนี้อย่างไรการแข่งขันในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็สูงแน่นอน แต่เราไม่ได้กังวลเพราะเราเลือกพัฒนาโครงการในกลุ่มที่การแข่งขันน้อยลง คือในตลาดพื้นที่ชานเมืองและเป็นโครงการแนวราบเป็นหลัก ประกอบกับบริษัทได้พัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น และพัฒนาในเรื่องของบริการหลังการขายที่ทำให้ลูกบ้านพึงพอใจด้วย” นายสมนึก กล่าว
โดยปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในระดับ 20% โดยบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมกับลูกค้าก่อนที่จะยื่นกู้จริง แต่ทางธนาคารพาณิชย์ต่างๆยังมีความเข้มงวดค่อนข้างมาก เนื่องจากกังวลเรื่องของหนี้เสีย (NPL) ที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายเข้ามาเจรจา เพื่อที่จะร่วมลงทุนโครงการทั้งในโครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียม แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีความคืบหน้า ซึ่งยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของการทำโครงการ และความคุ้มค่าในการเข้าร่วมพัฒนาโครงการด้วย