สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 30 ส.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์หน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในอาร์เจนตินาและตุรกี พร้อมกับจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,986.92 จุด ลดลง 137.65 จุด หรือ -0.53% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,088.36 จุด ลดลง 21.32 จุด หรือ -0.26% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,901.13 จุด ลดลง 12.91 จุด หรือ -0.44%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาในประเด็นที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป EU (Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 385.36 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,494.24 จุด ลดลง 67.44 จุด หรือ -0.54% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.06 จุด ลดลง 23.27 จุด หรือ -0.42% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,478.06 จุด ลดลง 23.27 จุด หรือ -0.42%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องได้ฉุดหุ้นบริษัทข้ามชาติร่วงลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาในประเด็นที่อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป EU (Brexit) หลังจากมีรายงานว่า ยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,516.03 จุด ลดลง 47.18 จุด หรือ -0.62%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า การส่งออกน้ำมันของอิหร่านและเวเนซุเอลาปรับตัวลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 70.25 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.ปีนี้ +.74 70.25
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการพุ่งขึ้นของดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยล่าสุดที่สนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 1,205.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 21.6 เซนต์ หรือ 1.46% ปิดที่ 14.594 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.8 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 791.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 960.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยสนับสนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีนี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9694 ฟรังก์ จากระดับ 0.9713 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 111.04 เยน จากระดับ 111.69 เยน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1664 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1698 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3012 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3020 ดอลลาร์ ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7256 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7299 ดอลลาร์สหรัฐ