มนุษย์เงินเดือนครวญ “ประกันสังคม” เร่งปรับเงินสมทบ 1 พันบ. จากเดิม 750 บ.
มนุษย์เงินเดือนครวญ “ประกันสังคม” เร่งปรับเงินสมทบ 1 พันบ. จากเดิม 750 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (3 ก.ย.61) เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ครบรอบ 28 ปี โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานพร้อมมอบโล่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อ สปส. จำนวน 23 คน แบ่งเป็นด้านวิชาการ ด้านการแพทย์ ด้านนวัตกรรม และด้านสนับสนุนเครือข่ายประชาสัมพันธ์และอื่นๆ โล่รางวัลสถานพยาบาลในดวงใจ และโล่สถานพยาบาลต้นแบบการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 5 รางวัล
โดย พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่า ตลอดเวลา 28 ปีที่ผ่านมา สปส.มีความก้าวหน้าอย่างมาก เช่น พัฒนารูปแบบการให้บริการกรณีทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่าย เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 400 บาท เป็น 600 บาท ต่อเดือน เพิ่มค่าฝากครรภ์กรณีคลอดบุตร เพิ่มสิทธิประโยชน์และค่าทดแทน โดยจัดทำร่างแก้ไข พ.ร.บ. เงินทดแทน (ฉบับที่…) พ.ศ. … ซึ่งขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เห็นชอบแล้ว เตรียมประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นปี 2561 เป็นต้น
ทั้งนี้ สำหรับก้าวต่อไปของ สปส.ที่ตนมอบนโยบาย คือ 1.เพิ่มจำนวนผู้ประกันตนเข้ามาในระบบให้มากขึ้น โดยขณะนี้มีผู้ประกันตนประมาณ 15 ล้านคน ส่วนแรงงานนอกระบบซึ่งมี 22 ล้านคน แต่เข้ามาเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพียง 2.5 ล้านคน โดยปี 2561 เข้าสู่ระบบประมาณ 3 แสนกว่าคน ซึ่งปี 2562 ตั้งเป้าไว้ต้องเพิ่มอีก 2-3 ล้านคน ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 จะเป็นผู้ใดก็ได้ที่มีอายุ 15 – 60 ปี ไม่เคยเป็นลูกจ้างตามมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39 ประกอบอาชีพอิสระ และไม่เป็นผู้ทุพพลภาพในปัจจุบัน ซึ่งเราต้องการให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างมาก เพราะการเข้ามาสู่ระบบจะได้รับการคุ้มครองอย่างดีมาก ทั้งการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ ชราภาพ สงเคราะห์บุตร ก็ได้ทั้งหมด เป็นไปตามหลักยุทธศาสตร์ 20 ปีด้านแรงงาน ส่วนเจ้าหน้าที่ประกันสังคมจะมีการปรับโครงสร้างการทำงานให้สอดคล้องกับภาระงาน
รวมถึง 2.บริหารกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลตอบแทนต่างๆ ต้องมีประสิทธิภาพ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ประกันตน ซึ่งยืนยันว่า การลงทุนนั้นมีความโปร่งใส มีคณะกรรมการพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งแต่ละปีได้ผลตอบแทนหลายหมื่นล้านบาท โดยปี 2560 ได้ผลตอบแทน 5.8 หมื่นล้านบาท 3.การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องผู้สูงอายุ การสงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ หรือมาตรฐานสถานบริการ และ 4.การเข้าถึงบริการที่ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยี ต้องทันสมัย และระบบออนไลน์ต่างๆ
ขณะที่ความคืบหน้าการปรับเพดานอัตราการจ่ายเงินสมทบจากฐานเงินเดือน 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท หรือเก็บจาก 750 บาท เป็น 1,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าจะต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่การจะปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินสมทบนั้น จะต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกันตนด้วย
โดยเฉพาะการปรับเพิ่มแล้วจะเกิดประโยชน์อะไรมากขึ้นแก่ผู้ประกันตน เช่น ได้เพิ่มเงินบำนาญชราภาพ เป็นต้น ซึ่งหากยังมีความเห็นต่างกันอยู่ หรือยังมีคนรู้สึกว่าเดือดร้อนกับเรื่องนี้ ก็จะยังไม่ดำเนินการหรือยังไม่เสนอรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ตัวแทนฝั่งนายจ้างและลูกจ้างก็ช่วยไปสื่อสารแล้ว ส่วนเรื่องการขยายอายุเกษียณการทำงานก็เดินหน้าไปพร้อมกัน แต่อันไหนพร้อมก่อนก็ดำเนินการ
ส่วนเรื่องการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคมนั้นตาม พ.ร.บ.ประกันสังคมมีการกำหนดชัดเจนอยู่แล้วว่า จะต้องมีการเลือกตั้ง แต่ต้องดูความเหมาะสมและความคุ้มค่าด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุกรรมการ ซึ่งจะใช้วิธีการใดยังตอบไม่ได้ และผู้แทนลูกจ้าง นายจ้างต้องให้ความเห็นด้วย แต่จะพยายามเร่งให้เร็วที่สุด