ASAP บวกกว่า 3% โบรกฯ แนะ “ซื้อ” เคาะเป้า 7.75 บ. ลุ้นปี 63 ขยายพอร์ตรถเช่าแตะ 2 หมื่นคัน
ASAP บวกกว่า 3% โบรกฯ แนะ "ซื้อ" เคาะเป้า 7.75 บ. ลุ้นปี 63 ขยายพอร์ตรถเช่าแตะ 2 หมื่นคัน โดย ณ เวลา 16.13 น. ราคาอยู่ที่ 6.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.33% สูงสุดที่ 6.25 บาท ต่ำสุดที่ 6.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 30.55 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ล่าสุด ณ เวลา 16.13 น. อยู่ที่ 6.20 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.33% สูงสุดที่ 6.25 บาท ต่ำสุดที่ 6.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 30.55 ล้านบาท
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASAP ราคาเป้าหมาย 7.75 บาท/หุ้น โดยที่ผ่านมาพูดคุยกับนักลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีความกังวลต่อการเติบโตของ ASAP ใน 4 ประเด็นหลัก อย่างไรก็ดี มองว่าประเด็นที่ตลาดมีความกังวลไม่ได้กระทบต่อศักยภาพในการเติบโตของบริษัท ซึ่งได้วิเคราะห์แต่ละประเด็นในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ คงคาดบริษัทจะขยายพอร์ตรถเช่าจาก 1.1 หมื่นคัน เป็น 2 หมื่นคันได้ภายในปี 2563 และคาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 33.2%/ปี
โดย ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ASAP ขยายพอร์ตรถเช่าในอัตราเฉลี่ย 50%/ปี จนมีรถราว 1.1 หมื่นคันในปัจจุบัน ซึ่งตลาดมีความกังวลว่าอาจจะหาลูกค้าเพิ่มลำบาก แต่มองว่าการเติบโตของ ASAP จะมีศักยภาพอีกมาก พิจารณาจากภาพตลาดรถยนต์ที่องค์กรต่างๆใช้ใน fleet มีประมาณ 4 แสนคัน กว่า 60% (ราว 2.4 แสนคัน) ยังคงเป็นกลุ่มองค์กรที่ซื้อรถใช้เอง ไม่ได้เช่ารถ แต่แนวโน้มจะหันมาใช้การเช่ามากขึ้น รวมทั้ง การได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากกลุ่มองค์กรที่เช่ารถอยู่แล้ว (ขนาดตลาด 1.6 แสนคัน) ปัจจุบัน ASAP มี market share เพียง 7%
ขณะที่ ปัจจุบัน ASAP มี D/E ratio ประมาณ 6.5 เท่า ถึงแม้จะดูสูง แต่บริษัทยังมีความสามารถที่จะกู้ยืมเพิ่มได้ เพราะบริษัทมีสัญญาเช่าระยะยาวกับลูกค้าที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่อย่างเช่น Tesco Unilever KerryExpress DHL และกลุ่มธนาคาร เป็นต้น ช่วยให้ธนาคารมั่นใจได้ว่ารายได้จากค่าเช่ารถจะเป็นไปตามสัญญา อนึ่งก่อนที่ ASAP จะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ บริษัทมี D/E ถึง 8.6 เท่า ดังนั้นมองว่าหากบริษัทขยายพอร์ตจนกระทั่ง D/E กลับไประดับเดิม บริษัทจะขยายพอร์ตได้ถึง 2 หมื่นคัน ภายใน 2 ปี (จากปัจจุบันที่มีรถในพอร์ต 1.1 หมื่นคัน)
ทั้งนี้ แน่นอนว่าดอกเบี้ยขาขึ้นจะกระทบต้นทุนการเงิน แต่จะไม่กระทบกำไร เพราะหนี้สำหรับรถใน fleet ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน บริษัทล๊อคต้นทุนการเงินไว้จนครบสัญญาแล้ว อีกทั้ง สำหรับรถใหม่ บริษัทจะส่งผ่านต้นทุนดอกเบี้ยให้กับลูกค้าได้ เพราะถึงลูกค้าซื้อรถใช้เองก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราใหม่ที่สูงขึ้นให้กับไฟแนนซ์อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ตลาดกังวลว่าการเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ที่สาระสำคัญคือผู้เช่าจะไม่สามารถทำรายการ off-balance sheet ได้ จะลดความน่าจูงใจในการเช่ารถยนต์เพื่อดำเนินงาน (Operating lease) มองว่าการ off/on balance sheet นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ลูกค้าตัดสินใจที่จะใช้บริการ ASAP เพราะการเช่ารถ ลูกค้าจะได้รับความสะดวกมากกว่า ทั้งด้านการบริการหลังการขาย มีรถใช้ระหว่างซ่อม ไม่ต้องกังวลกับราคาขายหลังครบสัญญา และที่สำคัญได้ราคาที่คุ้มค่า เพราะ ASAP บริหารรถเป็นหมื่นคันซึ่งจะได้ประโยชน์จาก economy of scale