EKH อัพเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ทำออลไทม์ไฮหลังศูนย์เด็กหลอดแก้วดีเกินคาด-เข้าไฮซีซั่น
EKH อัพเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ทำออลไทม์ไฮหลังศูนย์เด็กหลอดแก้วดีเกินคาด-เข้าไฮซีซั่น
นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้ใหม่เป็นโต 15% จากเดิมคาดโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 540.98 ล้านบาท ซึ่งจะนับเป็นสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมคาดอัตรากำไรขั้นต้น ปีนี้อยู่ที่ระดับ 38%
โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้มาจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก หรือศูนย์เด็กหลอดแก้ว (IVF) ที่ให้บริการตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาโดยเน้นกลุ่มลูกค้าจีน ซึ่งมีเข้ามามากในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมเฉลี่ยเดือนละ 20 ราย เนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม จากเดิมที่คาดว่าเฉลี่ยเดือนละ 10 ราย จึงคาดว่าทั้งปีจะมีลูกค้า IVF ประมาณ 150 ราย จากเดิมที่คาดว่า 120 ราย
นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไฮซีซั่นทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน จะมาใช้บริการต่อเนื่อง โดยช่วงฤดูฝนส่งผลให้ผู้ป่วยกลุ่มเด็ก โดยเฉพาะโรคระบาดอย่างไวรัส RSV มีเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้เตียงเพิ่มขึ้นเกือบ 100% จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ระดับประมาณ 85%
สำหรับความคืบหน้าการขยายศูนย์ผู้มีบุตรยากสาขาพระราม 9 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการตกแต่งอาคาร ใช้งบ 15 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวเป็นลักษณะคลีนิคและเป็นการเช่าตึกขนาด 600 ตารางเมตร ซึ่งการเปิดในช่วงแรกจะรองรับลูกค้าและส่งไปที่โรงพยาบาลเอกชัย แต่ในระหว่างนั้นจะทำการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อพร้อมผ่าตัด และสามารถดำเนินการได้เต็มที่ช่วงสงกรานต์ปีหน้า ทั้งนี้สามารถรองรับลูกค้าได้ 40-50 ราย/เดือน และคาดว่าจะใช้งบลงทุนทั้งสิ้นรวม 50 ล้านบาท
ส่วนอาคารศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ 5 ชั้น จะใช้เงินลงทุนเพิ่มเป็น 280 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะใช้เพียง 250 ล้านบาท โดยสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 53 ห้อง ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/62 คาดจะเปิดให้บริการเตียงได้ 2 ชั้น หรือ 36 ห้อง และช่วงไตรมาส 3/62 จะสามรถเปิดให้บริการได้ทั้งหมด คาดว่าในปี 2562 จะมีผู้มาใช้บริการศูนย์กุมารเวชเฉลี่ย 75 คน/วัน
ด้านความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์เลสิค ปัจจุบันชะลอแผนออกไปก่อน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องทีมแพทย์ยังไม่พร้อมและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ได้ชะลอการจัดตั้งศูนย์บริการผู้สูงอายุออกไปก่อนเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง