S พุ่ง6% นิวไฮในรอบกว่า 3เดือน หลังเปิดตัว”สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” มูลค่ารวม6.5พันลบ.
S พุ่ง6% นิวไฮในรอบกว่า 3เดือน หลังเปิดตัว"สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส" มูลค่ารวม6.5พันลบ. โดย ณ เวลา 15.24 น. อยู่ที่ 3.50 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 6.06% สูงสุดที่ 3.52 บาท ต่ำสุดที่ 3.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 132.88 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ล่าสุด ณ เวลา 15.24 น. อยู่ที่ 3.50 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 6.06% สูงสุดที่ 3.52 บาท ต่ำสุดที่ 3.30 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 132.88 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน 12 วัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.50 บาท เมื่อวันที่ 22 พ.ค.61
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร S เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัวโครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ย่านประดิษฐมนูธรรม ที่สุดแห่งความเอ็กซ์คลูซีฟของบ้านเดี่ยวระดับอัลตร้าลักชัวรี่อย่างเป็นทางการด้วยมูลค่าโครงการรวม 6.5 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของสิงห์ เอสเตท ในการก้าวขึ้นสู่การเป็น Leading Premier Brand อย่างแท้จริง ตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีความต้องการและกำลังซื้อสูง กับสังคมคุณภาพที่มีความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนเพียง 25 หลัง ในราคาเริ่มต้น 245 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการมุ่งเน้นการส่งมอบคุณภาพที่ประณีต พิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด สร้างคุณค่าที่ยั่งยืน ทั้งในเรื่องคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับผู้ที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังเป็นการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่ครอบคลุมทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ ในระดับลักชัวรี่ ถึงอัลตร้าลักชัวรี่อีกด้วย ซึ่งลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนี้เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดของที่อยู่อาศัยเพื่อความสุขครอบครัว และใส่ใจในองค์ประกอบไปจนถึงสภาพแวดล้อมอันเขียวชอุ่มของโครงการ
“โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส คือโครงการแนวราบโครงการแรกของ สิงห์ เอสเตท มีมูลค่าโครงการสูงถึง 6 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่เอ็กซ์คลูซีฟที่สุดเทียบกับโครงการระดับเดียวกัน” นายนริศ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายนริศ กล่าวอีกว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์อัลต้าลักชัวรี่ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่ายังมีความต้องการจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ สำหรับบริษัทเองก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดเช่นกัน และเชื่อว่า โครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส จะทำให้ บริษัทก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดที่พักอาศัยระดับบนสุดอย่างแท้จริง
ด้าน นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจที่อยู่อาศัย ของ S กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา และเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2559 ซึ่งความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั้น สวนทางกับ จำนวนซัพพลายในตลาดมีน้อย
อีกทั้งส่วนมากโครงการในระดับราคานี้มักเป็นบ้านเดี่ยวแนวสูงที่อยู่ใจกลางเมือง หรือบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณชานเมือง ซึ่งอาจยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ดังนั้น บ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่และอยู่ในบริเวณรอบใจกลางเมืองจึงน่าจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มในจุดนี้ได้
สำหรับโครงการ สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส เป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดกว่า 45 ไร่ ติดถนนประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งเป็นทำเลที่เรียกได้ว่ามีศักยภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯในขณะนี้ เพราะนอกจากจะเป็นย่านที่ใกล้เมือง มีสภาพแวดล้อมที่ดีแล้ว ยังรายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และโรงเรียนชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นทำเลที่การคมนาคมสะดวกเพราะใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และมีแผนที่จะพัฒนารถไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย
“เราใช้เวลาในการพัฒนาโครงการมานานเกือบ 4 ปี โดยเริ่มตั้งแต่การทำรีเสิร์ชกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อหาอินไซต์ว่าความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างไร ซึ่งเราพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวอย่างมาก มีประสบการณ์ในการซื้อและอยู่บ้านที่มีระดับราคาสูงหรือสร้างบ้านของตัวเองมาก่อนแล้วจึงค่อนข้างใส่ใจในเรื่องรายละเอียดที่ลึกซึ้ง
และต้องการบ้านที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้จริงๆ นั่นเป็นที่มาของ “CONNOISSEUR OF PLEASANT LIVING”” หรือ “ลึกซึ้งถึงทุกรายละเอียดความสุข” ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของโครงการ เราจึงตั้งใจทำบ้านเดี่ยวที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด ด้วยจำนวนบ้านทั้งโครงการเพียง 25 หลัง โดยบ้านแต่ละจะปลูกสร้างอยู่บนที่ดินขนาดไม่น้อยกว่า 1 ไร่ พื้นที่กว่า 15 ไร่ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง” นายณัฐวุฒิ กล่าว