SET50 เลือดสาดหนัก! ทั้งกลุ่มเหลือหุ้นบวกแค่ 2 ตัว

SET50 เลือดสาดหนัก! ทั้งกลุ่มเหลือหุ้นบวกแค่ 2 ตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดวันนี้(5 ก.ย.61)  ดัชนีอยู่ที่ 1,686.37 จุด ลดลง 28.04 จุด หรือ 1.64% มูลค่าซื้อขายที่ 6.01 หมื่นล้านบาท โดยการปรับตัวลงแรงเนื่องจากมีแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่(SET50)เป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นที่ปรับตัวแรงอาทิ KTC,CBG,EA และ KKP ซึ่งปรับตัวลงแรงเกิน 4% ที่น่าสนใจมีหุ้นกลุ่ม SET50 เพียง 2 ตัวที่บวกสวนภาวะตลาดดังตางรางประกอบ

โดยบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS โดยราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้(5ก.ย.)อยู่ทีระดับ 26.25 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย  806.00 ล้านบาท

ส่วนอีกตัวคือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC โดยราคาหุ้นปิดตลาดวันนี้(5ก.ย.)อยู่ทีระดับ 14.70 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.68% ด้วยมูลค่าซื้อขาย  188.90 ล้านบาท

ด้าน นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย จากความกังวลวิกฤตค่าเงินของประเทศใน Emerging Market ไม่ว่าจะเป็นตุรกี, อาร์เจนตินา, อินโดนีเซีย, อินเดีย ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งปีนี้-ปีหน้าก็ยังไม่มีเม็ดเงินตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เข้ามาลงทุนแล้ว ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่ Fund Flow จะไหลออก โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพิงเงินทุนไหลเข้ามากก็จะโดนผลกระทบ และประเทศที่มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงก็จะเปราะบาง ส่วนไทยถือว่ายังแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ในทางเทคนิคดัชนีฯหลุดแนว 1,700 จุด ในทางจิตวิทยาก็ทำให้ปรับตัวลงเร็ว ซึ่งตลาดฯขณะนี้เผชิญความไม่แน่นอนกับปัจจัยต่างประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยในประเทศในเรื่องการเลือกตั้งก็ไม่รู้จะเกิดความล่าช้าหรือไม่ และ Fund Flow ก็ไม่เข้ามาอย่างที่คาดไว้

สำหรับเรื่องสงครามการค้าเป็นเรื่องที่ตลาดฯได้รับรู้ไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะมีผลต่อเงินดอลลาร์สหรัฐฯอย่างเดียว และเงินก็ไหลเข้าไปที่สหรัฐฯเท่านั้น อย่างไรก็ดี ก็รอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา จะมีผลออกมาอย่างไร และหลังการทำประชาพิจารณ์ของสหรัฐฯแล้วจะทำอย่างไรต่อไปในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) นายถนอมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังปรับตัวลง โดยมีแนวรับ 1680-1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด ทั้งนี้ตลาดฯขึ้นอยู่กับแรงซื้อของกองทุนในประเทศ เนื่องจาก Fund Flow คงจะยังไม่เข้ามาในช่วงนี้

Back to top button