สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 6 ก.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันนี้ เพื่อเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,995.87 จุด เพิ่มขึ้น 20.88 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,878.05 จุด ลดลง 10.55 จุด หรือ -0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,922.73 จุด ลดลง 72.45 จุด หรือ -0.91%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.1% แตะที่ระดับ 375.46 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,243.84 จุด ลดลง 16.38 จุด หรือ -0.31% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,955.25 จุด ลดลง 85.21 จุด หรือ -0.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,318.96 จุด ลดลง 64.32 จุด หรือ -0.87%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่สามเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการเจรจาการค้าที่ยังคงยืดเยื้อระหว่างสหรัฐและแคนาดา นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังสร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติด้วยเช่นกัน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,318.96 จุด ลดลง 64.32 จุด หรือ -0.87%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 68 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นมากกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกอาจถดถอยลง อันเนื่องมาจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดใหม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 95 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 67.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 77 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 76.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) โดยการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเพิ่มแรงดึงดูดให้กับทองคำ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดนั้น ยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1,204.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.9 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 14.181 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 6.6 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ 790.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 962.10 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าอย่างจีนและแคนาดา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันนี้ เพื่อเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.85 เยน จากระดับ 111.52 เยน ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9660 ฟรังก์ จากระดับ 0.9724 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3141 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3187 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.1623 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.2932 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2898 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7201 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7185 ดอลลาร์สหรัฐ