เปิดโผ 10 หุ้น SET ราคาแรลลี่ยาว! โชว์ 8 เดือนโกยรีเทิร์นเกิน 50%

เปิดโผ 10 หุ้น SET ราคาแรลลี่ยาว! โชว์ 8 เดือนโกยรีเทิร์นเกิน50% นำโดย EMC,TIW,AEONTS,KTC,TRITN,LRH, GLAND,NPPG,LTX และ SABINA


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)กลุ่ม SET ในรอบ 8 เดือน โดยเทียบราคาหุ้นปิด ณ วันที่ 29 ธ.ค.60-31 ส.ค.61 สำหรับทิศทางดัชนี SET ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาดัชนีถือว่าอ่อนตัวลงแรงและต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.จะเห็นว่าดัชนีอ่อนตัวหลุดจากระดับ 1800 จุด และในช่วงเดือนมิ.ย.61 ดัชนีอ่อนตัวไม่หยุด และหลุดแนวรับทั้ง 1700 จุด และ 1600 จุด จากนั้นในช่วงก.ค.-ส.ค.ดัชนีเริ่มฟื้นตัวกลับมายืนเหนือระดับ 1600 จุดได้อย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปสู่เป้าหมาย 1800 จุดตามที่ีโบรกเกอร์หลายแห่งมองไว้

ขณะเดียวกันกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่มีการปรับฐานลงมาแรงจนมี Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ บวกกับแรงซื้อเก็งกำไรจากการประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2561 ออกมาสดใส และคาดจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในระดับที่เหมาะสม ขณะเดียวกันประเด็นการเมืองที่มีความชัดเจนจากแผนการจัดการเลือกตั้งต้นปี 62 ซึ่งคาดว่าเป็นไปตามโรดแมพที่วางไว้เข้ามาหนุน ตรงนี้ทำให้ดัชนีฟื้นตัวได้อีกครั้ง

สำหรับราคาหุ้น SET ในรอบ 8 เดือนที่ปรับตัวสวนภาวะตลาดฯติดลบและปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่นได้คัดเลือกมานำเสนอ 10 ตัว เนื่องจากหุ้นจำนวนดังกล่าวให้ผลตอบแทนเกิน 50% นำโดย EMC,TIW,AEONTS,KTC,TRITN,LRH, GLAND,NPPG,LTX และ SABINA อย่างไรก็ตามการนำเสนอข้อมูลอาจได้ไม่ครบทั้งหมดดังนั้นจึงขอเลือกนำเสนอข้อมูลประกอบการปรับตัวขึ้นแรงของหุ้นเพียง 5 ตัวแรกของตารางดังนี้

 

อันดับ 1 บริษัท อีเอ็มซี จำกัด (มหาชน) หรือ EMC  ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 144.44% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 0.09 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 0.22 บาท (31 ส.ค.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรหุ้นเล็ก และแผนธุรกิจที่จะเพิ่มรายได้และดันปีนี้พลิกมีกำไร

สำหรับแนวทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ได้แก่  เพิ่มช่องทางในการประมูลงานก่อสร้างให้มากขึ้น ทั้งงานเอกชนและงานภาครัฐ ,จัดหาสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อก่อสร้างโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งเน้นด้านการจัดการและบริหารพื้นที่เช่าและที่พักอาศัย โครงการมหาชัย และโครงการสเตชั่นวัน

ส่วนการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายนั้น จะบริหารจัดการต้นทุนการก่อสร้าง โดยเฉพาะวัสดุก่อสร้างหลัก เช่น เหล็ก และปูนซีเมนต์ เป็นต้น ,บริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ,การปรับปรุงพัฒนาให้บุคลากรสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ,งานขาย (Sales) เรื่องพนักงานขาย จะจัดให้มีพนักงานขายอย่างเหมาะสม โดยใช้ทางเลือกอื่นร่วมด้วย เช่น เอเย่นต์ ขายตรง ขายทางโทรศัพท์ ขายปลีกหรือขายส่ง การมีทางเลือกที่ดีจะช่วยลดต้นทุนได้เช่นกัน

สำหรับทิศทางของบริษัทในอนาคตนั้น บริษัทยังคงมุ่งมั่นปรับปรุงพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพทั้งในการแข่งขัน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเอกชนและหน่วยงานราชการ ในการก่อสร้างและงานระบบ บริษัทคาดว่าผลประกอบการทั้งปี 61 จะกลับมามีรายได้เพิ่มขึ้นมาก และจะกลับมามีกำไรสุทธิในรอบหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีรายการตั้งสำรองอีก

บริษัทยืนยันว่าจะสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการรับงานรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ได้ จากเงินทุนหมุนเวียนของกิจการ และการได้รับการสนับสนุนทางการเงินในรูปแบบ Project Finance จากธนาคารพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินหลายแห่ง เป็นต้น

อันดับ 2 บริษัท ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIW ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 93.53% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 170.00 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 329 บาท (31 ส.ค.61) คาดนักลงทุนเก็งกำไรแผนธุรกิจในช่วงเดือนมิถุนายน 61 ซึ่งบริษัทแจ้งว่าจะเข้าถือหุ้นทางอ้อมในบมจ.อุบล ไบโอเอทานอล (UBE) ในสัดส่วน 20% หลังจะเข้าซื้อหุ้น 99.99% ในบริษัท กรุ๊ปเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Group K) มูลค่า 522 ล้านบาท

โดยแบ่งชำระเงินสด 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจำนวน 222 ล้านบาท จะชำระโดยออกหุ้นเพิ่มทุน 555,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 400 บาท ส่งผลให้นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ และ/หรือแคปปิตอล เค ลิมิเต็ด (Capital K)  เข้ามาถือหุ้นในบริษัทสัดส่วน 7.6% โดยคาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาในช่วงดังกล่าว

อันดับ 3 บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 73.91% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 103.50 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 180.00 บาท (31 ส.ค.61) เนื่องจากนักลงทุนมั่นใจพื้นฐานธุรกิจบวกกับนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า AEONTS กำไร 1Q61/62 (มี.ค.-พ.ค.61) ดีกว่าคาด โดยมีกำไรสุทธิ 928 ล้านบาท (+50% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, ทรงตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า) เป็นผลจากหนี้สูญได้รับคืน, Yield ดีกว่าคาด และค่าใช้จ่ายต่อรายได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้

ด้านสินเชื่อเติบโต 17.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 1.8% YTD โดยอยู่ที่ 77.2 พันล้านบาท ณ สิ้นพ.ค.61 โดย 52% เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล, 46% เป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และอีก 2% เป็นสินเชื่อเช่าซื้อ

ส่วน NPL Ratio ขยับขึ้นเป็น 2.5% ในสิ้นพ.ค.61 จาก 2.3% ในสิ้นก.พ.61 เนื่องจากการปรับวิธีเรียกเก็บหนี้ Coverage ratio อยู่ที่ 133.7% ในสิ้นพ.ค.61 แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 208 บาท เทียบเท่ากับ P/BV ที่ 2.9 เท่า ซึ่งมี Upside จากราคาปิด 16%

อันดับ 4 บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 70.70% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 18.60 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 31.75 บาท (31 ส.ค.61) เนื่องจากมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนอย่างต่อเนื่องอาทิ แผนการแตกพาร์จาก 10 บาท เป็น 1 บาท และแผนงานบริษัทที่โดดเด่น บวกกับแนวโน้มผลงานปี 61 สดใส อีกทั้งนักวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมายใหม่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงต่อเนื่อง

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า KTC(; ซื้อ; AWS TP 33.00 บาท) ปัจจัยบวกจากการที่กระทรวงการคลังอนุญาตให้ผู้ประกอบการ Pico Finance สามารถให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ได้ เป็นการเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจให้ KTC

บล.บัวหลวง ยังคงคำแนะนำ ซื้อ KTC หนุนโดยกำไรครึ่งแรกของปี 2561 ที่เติบโตสูงถึง 66% อันเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญฯ ลดลง การบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีทำให้ปรับลดสมมติฐานการตั้งสำรองหนี้สูญฯ สุทธิปี 2561 ลง 14% มาอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปี 2561 ของสูงขึ้น 9% มาอยู่ที่ 5 พันล้านบาท อีกทั้งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ขึ้นเป็น 36.25 บาท อ้างอิงจาก PER ที่ 19 เท่า

อันดับ 5 บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 70% โดยราคาหุ้นปรับตัวจากระดับ 0.20 บาท (29 ธ.ค.60) มาอยู่ที่ระดับ 0.34 บาท (31 ส.ค.61) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรแผนธุรกิจที่โดดเด่น

อนึ่งก่อนหน้านี้บริษัทประกาศล้างขาดทุนสะสมจำนวน 311,538,119 บาท ได้ทั้งหมด ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯไม่มีหนี้สินคงค้าง

โดย TRITN ขณะนี้ถือเป็นยุคใหม่บริษัทมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรงมุ่งเก็บสะสมเงินสดเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจและการลงทุนในอนาคต โดยบริษัทมีผลกำไรติดต่อกัน 3 ไตรมาส ถือเป็นสัญญาณอันดีว่าเราดำเนินธุรกิจมาอย่างถูกทางและ TRITN เป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานทุกด้านที่เราดำเนินการอยู่ มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ภาพรวมธุรกิจของ TRITN จะเป็นไปตามเป้าหมายคือดีและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button