SGP ส่งซิกครึ่งปีหลังโตแกร่ง รุกจับมือ EGATi หวังเข้าร่วมประมูลขาย LNG ให้ กฟผ.
SGP ส่งซิกครึ่งปีหลังโตแกร่ง รุกจับมือ EGATi หวังเข้าร่วมประมูลขาย LNG ให้ กฟผ.
นางจินตณา กิ่งแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับ บริษัท กฟผ.อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด (EGATi) เพื่อเข้าร่วมประมูลโครงการขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะเปิดรับข้อเสนอภายในวันที่ 14 ก.ย.61
โดย กฟผ.มีความต้องการนำเข้า LNG จำนวน 1.5 ล้านตัน/ปี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการ (supplier) เข้ามาเสนอขาย LNG ให้บริษัทแล้วจำนวน 3 ราย ในราคาที่มองว่าสามารถแข่งขันได้ คาดว่าจะสามารถมีความชัดเจนได้ภายในต้นปี 62
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อสร้างท่าเรือและคลัง LNG ในจังหวัดระยอง ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับแล้วจำนวนกว่า 100 ไร่ ทั้งนี้คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในไตรมาส 4/61 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอหน่วยงานรัฐอนุมัติการนำเข้า LNG ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลสนับสนุนเอกชนเข้ามาดำเนินการเพิ่มขึ้น
สำหรับในส่วนของธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะได้รับผลบวกราคา LPG ในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้นตามช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการช่วงครึ่งหลังของปีนี้เติบโตได้ดีด้วย โดยราคาขาย LPG ณ สิ้นไตรมาส 3/61 ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงที่ 617.50 เหรียญสหรัฐ/ตัน สูงขึ้นจากไตรมาส 2/61 ที่อยู่ระดับ 560 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้มั่นใจว่ารายได้ปี 61 จะสามารถทำได้ที่ระดับ 6.5 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 10% จากปีก่อนตามเป้าหมายที่วางไว้
ประกอบกับ บริษัทยังได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอในประเทศจีน และมาเลเซีย รวมถึงยอดขาย Trading ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดส่งออกใหม่ ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของประเทศเพื่อนบ้านในแถบ CLMV และตลาดใหม่ ๆ ในแถบเอเชียตะวันออกที่มีความต้องการใช้ LPG เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะแตะที่ระดับ 3.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.2 ล้านตัน ขณะที่บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศกว่า 70%
สำหรับธุรกิจ LPG ในจีนนับว่ามียอดขายที่เติบโตได้ดี อีกทั้งปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น บริษัทเตรียมที่จะขยายการขายออกไปยังจีนตอนกลางเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ประกอบกับบริษัทมองว่ามีความได้เปรียบในการนำเข้าเพื่อขายในจีนเนื่องจากบริษัทนำเข้า LPG จากประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งไม่ถูกเรียกเก็บภาษี 25%
ด้านความคืบหน้าการขยายธุรกิจในต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อธุรกิจ LPG ขนาดใหญ่ที่บังคลาเทศ มูลค่าราว 600-700 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรุปราคาซื้อขาย จากนั้นจึงจะสามารถเริ่มบรรจุก๊าซเพื่อขายได้ ซึ่งบริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังบังคลาเทศเนื่องจากตลาดมีขนาดค่อนข้างใหญ่
ส่วนการก่อสร้างคลังบรรจุ LPG ที่ North Port ในมาเลเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ภายในปี 61 ส่วนคลังบรรจุ LPG ในปีนังคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/62 ซึ่งใช้งบลงทุนที่ละไม่เกิน 22 ล้านเหรียญสหรัฐ และการก่อสร้างคลังบรรจุ LPG ในเมียนมา คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 62 โดยบริษัทเข้าร่วมทุน 65% กับพันธมิตรท้องถิ่น
พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเข้าลงทุนคลังบรรจุก๊าซและท่าเรือในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในต้นปี 62 ซึ่งบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 55% ส่วนบริษัทพันธมิตรถือหุ้น 45% โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ