SELIC พุ่งกระฉูดเกือบ 17% นิวไฮในรอบ 7 เดือน คาดรายได้ปีนี้โต 10% รับแผนขยายตลาดเต็มสูบ
SELIC พุ่งกระฉูดเกือบ 17% นิวไฮในรอบ 7 เดือน คาดรายได้ปีนี้โต 10% รับแผนขยายตลาดเต็มสูบ โดย ณ เวลา 14.39 น. อยู่ที่ระดับ 2.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 16.67% สูงสุดที่ระดับ 2.46 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40.04 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ณ เวลา 14.39 น. อยู่ที่ระดับ 2.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท หรือ 16.67% สูงสุดที่ระดับ 2.46 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40.04 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 7 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.38 บาท เมื่อวันที่ 28 ก.พ.61
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังสดใส โดยทีมขายทำการบุกตลาด ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และการรุกขยายตลาดสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด รวมถึงบริษัทฯ มุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมทั้งเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ และเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปี 2560 มีรายได้ 595 ล้านบาท
“บริษัทฯ และทีมผู้บริหารได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มกำลัง และทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้ผลบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในส่วนของครึ่งปีหลัง 2561 โดยทีมงานมุ่งเน้นการนำผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ใหม่ๆ ไปใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งช่วงที่เหลือของปีเรายังไม่เห็นปัจจัยลบเข้ามากดดัน ส่วนต่างประเทศเราก็มีการบุกอย่างต่อเนื่อง” นายเอก กล่าว
สำหรับกำลังการผลิตของบริษัทฯ ยังมีเพียงพอรองรับกับความต้องการของตลาดและความต้องการสินค้าใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 9,000 ตันต่อปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70%
ด้านนางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 (เม.ย.-มิ.ย.2561) มีรายได้รวมอยู่ที่ 155.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 1/61 และเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ครึ่งปีแรกจำนวน 298.96 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้ เป็นผลมาจากการรุกกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม และเจาะกลุ่มตลาดใหม่ โดยยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ รวมถึงยังได้รับปัจจัยหนุน จากการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น ยังคงมีความแข็งแกร่ง ช่วยสนับสนุนให้รายได้ในไตรมาส 2/61 มีการเติบโต