SELIC ปิดซิลลิ่ง! คาดรายได้ปีนี้โต 10% รับแผนขยายตลาดเต็มสูบ-รักษาฐานลูกค้าต่อเนื่อง
SELIC ปิดซิลลิ่ง! คาดรายได้ปีนี้โต 10% รับแผนขยายตลาดเต็มสูบ-รักษาฐานลูกค้าต่อเนื่อง โดยปิดตลาดวันนี้ ราคาอยู่ที่ระดับ 2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 29.41% สูงสุดที่ระดับ 2.64 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76.94 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ปิดตลาดวันนี้ อยู่ที่ระดับ 2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 29.41% สูงสุดที่ระดับ 2.64 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.06 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76.94 ล้านบาท
โดยราคาหุ้น SELIC ปรับตัวขึ้นแรงวันนี้จนทำจุดสูงสุดระหว่างวัน (Ceiling) ที่ระดับ 2.64 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 10 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.68 บาท เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 60
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังสดใส โดยทีมขายทำการบุกตลาด ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ และการรุกขยายตลาดสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตและสร้างผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นอย่างดีที่สุด รวมถึงบริษัทฯ มุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมทั้งเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ และเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10% ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปี 2560 มีรายได้ 595 ล้านบาท
“บริษัทฯ และทีมผู้บริหารได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มกำลัง และทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้ผลบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในส่วนของครึ่งปีหลัง 2561 โดยทีมงานมุ่งเน้นการนำผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ใหม่ๆ ไปใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งช่วงที่เหลือของปีเรายังไม่เห็นปัจจัยลบเข้ามากดดัน ส่วนต่างประเทศเราก็มีการบุกอย่างต่อเนื่อง” นายเอก กล่าว
สำหรับกำลังการผลิตของบริษัทฯ ยังมีเพียงพอรองรับกับความต้องการของตลาดและความต้องการสินค้าใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 9,000 ตันต่อปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70%
ด้านนางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/61 (เม.ย.-มิ.ย.2561) มีรายได้รวมอยู่ที่ 155.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาส 1/61 และเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ครึ่งปีแรกจำนวน 298.96 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของรายได้ เป็นผลมาจากการรุกกลุ่มอุตสาหกรรมเดิม และเจาะกลุ่มตลาดใหม่ โดยยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ รวมถึงยังได้รับปัจจัยหนุน จากการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น ยังคงมีความแข็งแกร่ง ช่วยสนับสนุนให้รายได้ในไตรมาส 2/61 มีการเติบโต