สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 17 ก.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีกยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,062.12 จุด ลดลง 92.55 จุด หรือ -0.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,888.80 จุด ลดลง 16.18 จุด หรือ -0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,895.79 จุด ลดลง 114.25 จุด หรือ -1.43%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์และยูโรยังสร้างแรงกดดันต่อหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,096.41 จุด ลดลง 27.92 จุด หรือ -0.23% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,348.87 จุด ลดลง 3.70 จุด หรือ -0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,302.10 จุด ลดลง 1.94 จุด หรือ -0.03%
ส่วนดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้น 0.1% ปิดที่ 378.31 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง หลังจากมีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจา Brexit
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,302.10 จุด ลดลง 1.94 จุด หรือ -0.03%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับราคาทองคำ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,205.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.1 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 14.223 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 800.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.50 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 977.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การคว่ำบาตรอิหร่านและปริมาณน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่า สหรัฐ, ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อชดเชยการส่งออกน้ำมันที่ลดลงจากอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 68.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 78.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่สกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าของการเจรจาเกี่ยวกับการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.87 เยน จากระดับ 112.01 เยน ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9623 ฟรังก์ จากระดับ 0.9668 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3026 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3031 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1685 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1632 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3161 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3066 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น แตะระดับ 0.7181 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7165 ดอลลาร์สหรัฐ