สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 19 ก.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนมองว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะไม่รุนแรงมากเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง นำโดยหุ้นไมโครซอฟท์ที่ดิ่งลงหนักสุด หลังจากบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,405.76 จุด เพิ่มขึ้น 158.80 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,907.95 จุด เพิ่มขึ้น 3.64 จุด หรือ +0.13% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,950.04 จุด ลดลง 6.07 จุด หรือ -0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม หุ้น Danske Bank ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก ร่วงลงกว่า 3% หลังจากซีอีโอของธนาคารประกาศลาออก อันเนื่องมาจากข่าวการฟอกเงิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.3% แตะที่ระดับ 379.98 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,219.02 จุด เพิ่มขึ้น 61.35 จุด หรือ +0.50% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,393.74 จุด เพิ่มขึ้น 29.95 จุด หรือ +0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,331.12 จุด เพิ่มขึ้น 30.89 จุด หรือ +0.42%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,331.12 จุด เพิ่มขึ้น 30.89 จุด หรือ +0.42%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 71.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 79.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้สัญญาทองคำปิดที่เหนือระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ติดต่อกัน 7 วันทำการ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,208.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 9.5 เซนต์ หรือ 0.67% ปิดที่ 14.28 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.86% ปิดที่ 821.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 26 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 1030.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) ขณะที่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มผ่อนคลายลง ส่วนเงินปอนด์พุ่งขึ้นขานรับอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.25 เยน จากระดับ 112.36 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2917 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2983 ดอลลาร์แคนาดา แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9670 ฟรังก์ จากระดับ 0.9649 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1674 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1666 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3145 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3138 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7265 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7215 ดอลลาร์สหรัฐ