PTTEP ขยับบวกต่อเนื่อง!โบรกฯชี้รับผลดีน้ำมันพุ่ง-จับตาประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณพรุ่งนี้

PTTEP ขยับบวกต่อเนื่อง!โบรกฯชี้รับผลดีน้ำมันพุ่ง-จับตาประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณพรุ่งนี้ โดย ณ เวลา 14.47น. ราคาอยู่ที่ระดับ 154.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.65% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 599.36 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP  ณ เวลา 14.47น. อยู่ที่ระดับ 154.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.65% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 599.36 ล้านบาท ราคาหุ้นเป็นขาขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันพุ่ง ขณะเดียวกันพร้อมจับตาการประมูลสัมปทานแหล่งบงกชและเอราวัณพรุ่งนี้(25ก.ย.)

บล.ไอร่า ระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานกลับมาได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยทั้ง 3 ตลาด (WTI, Brent และ Dubai) อยู่ที่ 71 – 79 USD/barrel ซึ่งคาดส่งผลดีต่อ PTT และ PTTEP ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 ในเดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ ต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน คาดทำให้การผลิตน้ำมันของอิหร่านลดลง มากกว่า 1.0 ล้านบาร์เรล ในไตรมาส 4 นี้

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะเปิดให้ผู้ประกอบการที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นมีสิทธิเข้าร่วมประมูลสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งบงกชและเอราวัณทางเทคนิคและผลประโยชน์ตอบแทนรัฐในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งตลาดและคาดการณ์ว่า PTTEP จะชนะประมูลอย่างน้อย 1 แหล่งคือบงกช

ทั้งนี้ในปัจจุบัน PTTEP ถือหุ้นแหล่งบงกช 66.66% และถือหุ้นในแหล่งเอราวัณ 5% ซึ่งจะหมดอายุสัมปทานในปี 2565-2566 ในการประมูลรอบใหม่นี้ทาง PTTEP จะเข้าประมูลทั้งสองแหล่ง โดยคาดว่าจะทราบผลประมูลเดือนธ.ค.61 และมีสมมติฐานให้  PTTEP ชนะการประมูลทั้งสองแหล่งและถือหุ้นเท่ากับสัดส่วนปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาพื้นฐานของ PTTEP  จะเท่ากับ 160 บาท มี Upside จากราคาปิดวันศุกร์ที่ 153.50 บาทอยู่ 4% 

ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานยืนยันจะเปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติขั้นต้นเข้ายื่นประมูลข้อเสนอขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม G1/61 (เอราวัณ) และ G2/61 (บงกช) ในทะเลอ่าวไทย ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) โดยจะเปิดประมูลในรูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC)  เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เบื้องต้นคาดว่าจะรู้ผลผู้ที่สามารถยื่นข้อเสนอดีที่สุดในปลายเดือน พ.ย. หลังจากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในช่วงเดือน ธ.ค. พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากการยื่นเอกสารในวันพรุ่งนี้แล้ว กระทรวงพลังงานคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการวิเคราะห์ความชัดเจนสามารถนำไปสู่การสรุปเลือกผู้ที่ได้รับเลือกสำหรับแหล่งบงกช และเอราวัณ หลังจากนั้นก็จะประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก และใช้ขั้นตอนในการจัดทำเอกสารเพื่อลงนามในสัญญาได้ประมาณเดือนก.พ.62

“วันนี้กระทรวงได้มีการหารือผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ และปตท. และเห็นความจำเป็นในการสร้างเสถียรภาพด้านความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ โดยการที่ต้องเดินหน้าในขั้นตอนการประมูลหาผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตต่อไปโดยการรับข้อเสนอทางเทคนิคและ commercial ในวันพรุ่งนี้ ทุกสิ่งที่ดำเนินการปฏิบัติเพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศให้มั่นใจได้ว่าเราจะมีก๊าซฯใช้ได้ต่อเนื่องและไม่สะดุด…ช่วงเดือนพฤศจิกา เราจะเห็นว่าข้อเสนอใดมีจุดเด่นมากกว่ากัน เราก็จะเสนอต่อกพช.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป”นายศิริ กล่าว

นายศิริ กล่าวว่า แหล่งปิโตรเลียมเอราวัณและบงกช นับเป็นแหล่งพลังงานหลักที่สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้มากกว่า 70% ของประเทศ และจะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 65-66 ซึ่งตามแผนงานเดิมจะต้องดำเนินงานให้ได้ผู้ประกอบการรายใหม่ให้แล้วเสร็จก่อน 5 ปีสุดท้ายก่อนสิ้นอายุสัมปทานในปี 65 ขณะนี้เหลือเวลาเพียงแค่ 3 ปี และในปี 63 จะต้องเลือกแท่นที่มีศักยภาพในการดำเนินงานและทำการส่งมอบให้ผู้ประกอบการที่จะมาดำเนินการต่อ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 278 แท่นจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นอายุสัมปทาน หากล่าช้าไปกว่านี้จะทำให้ไม่สามารถส่งมอบทรัพย์สินให้ผู้ประกอบการที่มาดำเนินการต่อได้ทันเวลา

สำหรับการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณในครั้งนี้ คาดว่าจะนำไปสู่การพัฒนาและสร้างผลประโยชน์ให้รัฐบาลในรูปค่าภาคหลวงภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งกำไรประมาณ 8 แสนล้านบาท ตลอดจนก่อให้เกิดการจ้างพนักงานคนไทย ในสัดส่วน 80% ในปีแรก และอย่างน้อย 90% ในปีที่ 5 ตามเงื่อนไขหลักสำคัญที่ระบุไว้ในร่างเอกสารเชิญชวนประมูล (TOR) นอกจากนั้นยังช่วยลดการนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ได้ประมาณ 22 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.6 แสนล้านบาท และยังก่อให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในประเทศอีกประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงพลังงานกำหนดให้ผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมประมูลยื่นแผนการดำเนินงาน งบประมาณการลงทุน ข้อเสนอทางด้านเทคนิค และผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ ตามเงื่อนไขหลักสำคัญที่ระบุไว้ใน TOR เพื่อการได้รับคัดเลือก โดยต้องยื่นเอกสาร 4 ซอง ประกอบด้วย ซองที่ 1 เป็นซองด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการปิโตรเลียมตามกฎหมาย , ซองที่ 2 การยอมรับเงื่อนไขให้ภาครัฐเข้าร่วมในสัดส่วน 25% ซึ่งภาครัฐจะกำหนดให้หน่วยงานใดเป็นผู้เข้าร่วมนั้นจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุม กพช.ในช่วงเดือน ธ.ค.61 , ซองที่ 3 เป็นข้อเสนอทางเทคนิค ซึ่งประกอบด้วย แผนการลงทุน แผนการพัฒนาแหล่ง แผนช่วงรอยต่อ และแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และซองที่ 4 ซองด้านราคาก๊าซธรรมชาติ และผลประโยชน์ตอบแทนรัฐเกินกว่าสัดส่วน 50% ที่เป็นสัดส่วนขั้นต่ำตามกฎหมาย

“ส่วนสำคัญของการยื่นซองครั้งนื้ คือเรื่องราคาก๊าซฯเป็นส่วนสำคัญที่เราจะให้น้ำหนักแก่ผู้เสนอขายก๊าซฯเข้าสู่ระบบในไทยในส่วนของผู้ร่วมสัญญาแบ่งปันผลผลิตในราคาที่ต่ำที่สุดเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงราคาไฟฟ้าในประเทศที่จะไม่สูงเกินไป”นายศิริ กล่าว

นายศิริ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติจะเปิดรับข้อเสนอตั้งแต่เวลา 8.30 -16.30 น. และหลังจากนั้นจะสรุปว่ามีผู้มายื่นข้อเสนอทั้งหมดกี่ราย จากปัจจุบันที่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อยื่นข้อเสนอสำหรับแหล่งเอราวัณ 4 ราย และแหล่งบงกช 3 ราย

สำหรับที่มีผู้แสดงความเห็นต่างสำหรับการเปิดประมูลครั้งนี้ ขออย่าให้ออกมาประท้วงในที่สาธารณะเพราะจะสร้างความเดือดร้อน ซึ่งกระทรวงพลังงานพร้อมที่จะชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมด ทั้งในส่วนข้อตอนการดำเนินการและจัดทำข้อเสนอ หรือเรื่องอื่นใด  ทั้งในส่วนของค่าการตลาดน้ำมัน หรือ LPG แต่ไม่ได้มีข้อเสนอที่จะไปจัดทำดีเบตในเวทีสาธารณะ เพราะอยู่นอกขอบเขตที่จะทำหน้าที่ของข้าราชการอย่างเหมาะสมได้

อนึ่ง การเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมบงกช และเอราวัณครั้งนี้ เพื่อรองรับสัมปทานเดิมที่จะหมดอายุในปี 65-66 โดยการเปิดให้ยื่นหลักฐานแสดงคุณสมบัติเบื้องต้น พบว่าแหล่งเอราวัณ มีผู้ยื่นหลักฐานจำนวน 5 ราย ได้แก่ บริษัท Chevron Thailand Holdings Ltd., บริษัท PTTEP Energy Development Company Limited ,บริษัท MP G2 (Thailand) Limited ,บริษัท Total E&P Thailand และบริษัท OMV Aktiengesellschaft

ส่วนแหล่งบงกช จำนวน 4 ราย ได้แก่ บริษัท Chevron Thailand Holdings Ltd., บริษัท PTTEP Energy Development Company Limited ,บริษัท MP L21 (Thailand) Limited และบริษัท OMV Aktiengesellschaft โดยทั้งหมดได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น

อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนให้เข้ายื่นเอกสารแสดงความจำนงเข้าร่วมประมูล ปรากฎว่า บริษัท OMV Aktiengesellschaft ไม่ได้เข้ายื่นเอกสารดังกล่าว ทำให้ในแหล่งเอราวัณมีผู้ยื่นเอกสารแสดงความจำนงเข้าร่วมประมูล 4 ราย และแหล่งบงกช จำนวน 3 ราย   

Back to top button