ตลาดหุ้นเอเชียบวกคึก สวนเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณขยับอีกรอบสิ้นปี!
ตลาดหุ้นเอเชียบวกคึก สวนเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณขยับอีกรอบสิ้นปี!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียในเช้าวันนี้ (27 ก.ย.61) ปรับตัวขึ้นสวนข่าวการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกทั้งพร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ แถลงการณ์ของที่ประชุมเฟดยังได้ตัดข้อความ “จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย” ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
โดยดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงอยู่ที่ระดับ 27,851.82 จุด เพิ่มขึ้น 34.95 จุด, +0.13%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันอยู่ที่ระดับ 11,008.52 จุด เพิ่มขึ้น 34.33 จุด, 0.31%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ 2,354.61 จุด เพิ่มขึ้น 15.44 จุด, 0.66%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 3,254.96 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด, 0.49%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียอยู่ที่ระดับ 1,800.34 จุด เพิ่มขึ้น 1.62 จุด, 0.09%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับ 24,001.72 จุด ลดลง 32.07 จุด, -0.13%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ระดับ 2,803.24 จุด ลดลง 3.57 จุด, -0.13%
สำหรับการประชุมนโยบายการเงินครั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุม เฟดได้ตัดข้อความ “จุดยืนด้านนโยบายการเงินของเฟดยังคงมีความผ่อนคลาย” ซึ่งเป็นข้อความที่มักปรากฏในแถลงการณ์ของเฟดในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการแถลงข่าวว่า การที่เฟดตัดข้อความดังกล่าว ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด
ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค.
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,385.28 จุด ลดลง 106.93 จุด หรือ -0.40%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,905.97 จุด ลดลง 9.59 จุด หรือ -0.33%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,990.37 จุด ลดลง 17.10 จุด หรือ -0.21%
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทโจนส์เทรดดิ้งกล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นหลังจากเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเฟดมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ แต่ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการได้ไม่นาน ได้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น หลังจากนักลงทุนเริ่มพิจารณาถึงการที่เฟดได้ตัดคำว่า “จุดยืนด้านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย” ออกไปจากแถลงการณ์การประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งบ่งชี้ว่า วงจรของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระบบเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะกลับมาอีกครั้ง