สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นประจำวันที่ 27 ก.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี ขณะที่นักลงทุนซึมซับผลการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,439.93 จุด เพิ่มขึ้น 54.65 จุด หรือ +0.21% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,914.00 จุด เพิ่มขึ้น 8.03 จุด หรือ +0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,041.97 จุด เพิ่มขึ้น 51.60 จุด หรือ +0.65%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนซึมซับผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารของอิตาลีปรับตัวลง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 386.38 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,435.59 จุด เพิ่มขึ้น 49.70 จุด หรือ +0.40% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,540.41 จุด เพิ่มขึ้น 27.68 จุด หรือ +0.50% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,545.44 จุด เพิ่มขึ้น 33.95 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ ขณะเดียวกันนักลงทุนได้ซึมซับผลการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,545.44 จุด เพิ่มขึ้น 33.95 จุด หรือ +0.45%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะลดลง หลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่นำน้ำมันจากคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ออกมาขาย แม้การคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 72.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 81.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 11.7 ดอลลาร์ หรือ 0.98% ปิดที่ 1,187.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 11.1 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 14.29 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.74% ปิดที่ 814.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 8.10 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,071.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐ พร้อมส่งสัญญาณปรับอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.42 เยน จากระดับ 112.83 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9775 ฟรังก์ จากระดับ 0.9650 ฟรังก์ นอกจากนี้ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนดา ที่ระดับ 1.3039 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3002 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1658 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1762 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3087 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3184 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7210 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7276 ดอลลาร์สหรัฐ