TRC ขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก 9% ลุ้น Q3/61 พลิกเป็นกำไร-H2/61 เดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง

TRC ขาขึ้นต่อเนื่อง! บวกอีก 9% ลุ้น Q3/61 พลิกเป็นกำไร-H2/61 เดินหน้าประมูลงานต่อเนื่อง โดย ราคาณ เวลา 11.05 น. อยู่ที่ระดับ 0.60 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 9.09% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 23.83 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ณ เวลา 11.05 น. อยู่ที่ระดับ 0.60 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 9.09% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 23.83 ล้านบาท  ราคาหุ้นวิ่งแรงในรอบ 2 เดือน โดยนับตังแต่หุ้นปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 0.62 บาท เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.61

บล.กสิกรไทย ระบุว่า TRC (ถือ-พื้นฐาน 0.46 บาท -2.13%) เราปรับลด TP เป็น 0.46 บาท จากการเอามูลค่างานเหมืองโปแตซ APOT ทั้งจำนวน 2.37 พันล้านบาท ออก และปรับลดมูลค่างาน Transmission pipeline ของ PTT จำนวน 487.24 ล้านบาทจากการประมาณการณ์รายได้ปี 2018-20 ทำให้กำไรสุทธิของลดลงเป็น 52/185/165 ล้านบาท และปรับลดประมาณการณ์ gross profit margin ในปี 2018 เป็น 15% จาก 17.3%

โดย TRC วางแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงาน 1.25 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรู้ผลในปลายปี 2018 ถึงต้นปี 2019 นอกจากนี้ โครงการเหมืองโปแตซ APOT เหมือนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่ได้รับหนังสือเริ่มการลงทุนเมื่อปี2559 เนื่องจากต้องกลับไปเริ่มกระบวนหาแหล่งเงินกู้ใหม่จากสถาบันการเงิน

อนึ่งก่อนหน้านี้นายภาษิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้คาดว่าจะทำได้ราว 2.7-2.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 8 พันล้านบาท เนื่องจากการก่อสร้างเหมืองโปแตชได้เลื่อนออกไปเป็นปี 62 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาปรับรูปแบบการก่อสร้างแบ่งเป็นเฟส จากเดิมที่จะลงทุนก่อสร้างครั้งเดียวทั้งโครงการ ทำให้บริษัทยังไม่สามารถรับรู้รายได้จากการก่อสร้างเหมืองโปแตชเข้ามาได้

ขณะเดียวกัน แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/61 คาดว่าจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้จากไตรมาส 2/61 ที่มีผลขาดทุน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3/61 จะเริ่มมีการทยอยรับรู้รายได้จากงานเข้ามามากขึ้น หลังจากที่ไตรมาสก่อนหน้ายังไม่ค่อยมีรายได้จากงานรับเหมาเข้ามา และมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการลงทุนในเหมืองโปแตชสัดส่วน 25% ทำให้เกิดผลขาดทุน

ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 5.6 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดรับรู้รายได้เข้ามาในครึ่งปีหลังนี้ราว 1.5 พันล้านบาท โดยบริษัทจะพยายามผลักดัน Backlog ในสิ้นปีนี้ให้เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาทด้วยการเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องมูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้างคลังสินค้าอัจฉริยะของ PTTOR มูลค่า 500-600 ล้านบาท,งานก่อสร้างโรงงาน Clean Fuel ของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) มูลค่า 2 พันล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลในช่วงปลายปีนี้ และงานการนำเสาไฟฟ้าลงใต้ดินของเส้นทางพระราม 9-รัชดา มูลค่า 2.6-2.7 พันล้านบาท คาดหวังได้งานมูลค่า 3-4 พันล้านบาท

Back to top button