สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 3 ต.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง หลังจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าอย่างแคนาดาและเม็กซิโก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,828.39 จุด เพิ่มขึ้น 54.45 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,025.08 จุด เพิ่มขึ้น 25.54 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,925.51 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีตตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี หลังจากรัฐบาลอิตาลีให้คำมั่นว่าจะปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงในปี 2563-2564
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 383.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,491.40 จุด เพิ่มขึ้น 23.51 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,510.28 จุด เพิ่มขึ้น 35.73 จุด หรือ +0.48% ส่วนตลาดหุ้นเยอรมันปิดทำการวันพุธที่ 3 ต.ค. เนื่องในวันรวมชาติเยอรมัน
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) หลังจากรัฐบาลอิตาลีให้คำมั่นว่าจะปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงในปี 2563-2564 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในอิตาลี
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,510.28 จุด เพิ่มขึ้น 35.73 จุด หรือ +0.48%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 1.6% แม้ทางการสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปีปี 2557
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 86.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ การที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี ยังส่งผลให้เกิดแรงเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.34% ปิดที่ 1,202.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.3 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 14.67 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปิดที่ 835.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 0.25% ปิดที่ 1053.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) ขานรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันพรุ่งนี้
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 114.33 เยน จากระดับ 113.66 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9898 ฟรังก์ จากระดับ 0.9850 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2841 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2816 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1517 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1544 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่1.2975 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2978 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7120 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7186 ดอลลาร์ออสเตรเลีย