ดอลล์ปรับลงหลังผลผลิตอุตสาหกรรมสหรัฐร่วงเกินคาด
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) หลังจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือนพ.ค.ปรับตัวลงสวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1292 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1259 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5612 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5552 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.37 เยน เทียบกับระดับ 123.46 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9285 ฟรังก์ จาก 0.9283 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7765 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7735 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการร่วงลงเป็นเดือนที่ 6 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เฟดสาขานิวยอร์กรายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ประจำเดือนมิ.ย.หดตัวลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ -1.98 ในเดือนมิ.ย. จาก 3.09 ในเดือนพ.ค. และ -1.19 ในเดือนเม.ย. เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 5.4
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็ยังคงจับตาดูวิกฤตหนี้กรีซ หลังจากที่การหารือที่กรุงบรัสเซลส์ระหว่างผู้แทนรัฐบาลกรีซและบรรดาเจ้าหนี้ว่าด้วยเงื่อนไขในการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือต่อไปนั้น ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจของกรีซ
ด้านนายกุนเทอร์ ออททิงเจอร์ ซึ่งเป็นกรรมาธิการสหภาพยุโรป (EU) ของเยอรมนี กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังจากที่การเจรจาล่าสุดระหว่างกรีซกับกลุ่มเจ้าหนี้ยุโรปประสบความล้มเหลวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา