สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 29 ต.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของข้อพิพาททางการค้า หลังจากสื่อรายงานว่าสหรัฐวางแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,442.92 จุด ร่วงลง 245.39 จุด หรือ -0.99% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,050.29 จุด ลดลง 116.92 จุด หรือ -1.63% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,641.25 จุด ลดลง 17.44 จุด หรือ -0.66%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มรถยนต์ รวมทั้งรายงานที่ว่า สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีเอาไว้ที่ระดับ BBB แม้มูดี้ส์ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของอิตาลีในช่วงก่อนหน้านี้ก็ตาม ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศว่าจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5 และจะไม่ชิงตำแหน่งประธานพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU)
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.9% ปิดที่ 355.51 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,335.48 จุด เพิ่มขึ้น 134.86 จุด หรือ +1.20% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,026.32 จุด เพิ่มขึ้น 86.76 จุด หรือ +1.25% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,989.35 จุด เพิ่มขึ้น 21.99 จุด หรือ +0.44%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของธนาคารเอชเอสบีซี ช่วยหนุนหุ้นของธนาคารรายอื่นๆดีดตัวขึ้นด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,026.32 จุด เพิ่มขึ้น 86.76 จุด หรือ +1.25%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนก.ย.
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 8.2 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,227.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 25.8 เซนต์ หรือ 1.76% ปิดที่ 14.442 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 836.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 6.60 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1079.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เนื่องจากความกังวลที่ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า ซึ่งรวมถึงจีนนั้น จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 55 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 67.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 77.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ในเดือนก.ย. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานรายปีที่พุ่งแตะเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ติดต่อกันเดือนที่ 5
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.36 เยน จากระดับ 111.83 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0012 ฟรังก์ จากระดับ 0.9969 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3126 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3090 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1390 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1410 ดอลลาร์ ขณะเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2805 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2830 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7060 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7093 ดอลลาร์สหรัฐ