SEAFCO วิ่งแรง 3 วันติด บวกต่อเกือบ 4% เก็งผลงานไตรมาส 3/61 ทุบสถิติสูงสุดใหม่

SEAFCO วิ่งแรง 3 วันติด บวกต่อเกือบ 4% เก็งผลงานไตรมาส 3/61 ทุบสถิติสูงสุดใหม่ โดย ณ เวลา 15.21 น. ราคาอยู่ที่ 9.45 บวก 0.35 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ 9.50 บาท ต่ำสุดที่ 9.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66.38 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO ล่าสุด ณ เวลา 15.21 น. อยู่ที่ 9.45 บวก 0.35 บาท หรือ 3.85% สูงสุดที่ 9.50 บาท ต่ำสุดที่ 9.15 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66.38 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 9.05 บาท เมื่อวันที่ 29 ต.ค.61

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (17ต.ค.61) แนะนำ “ซื้อ” SEAFCO ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท/หุ้น โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะเพิ่มขึ้นทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/61 การก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นต่อดีกว่าที่เราคาดเดิม โดยปรับประมาณการขึ้นเพื่อสะท้อนการเติบโตที่ดีกว่าคาดเดิมเป็น 354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% และเชื่อว่าในไตรมาส 4/61 SEAFCO จะเริ่มมีโครงการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหนุนผลประกอบการ

โดยคาดผลประกอบการไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 โตต่อเนื่องทำสถิติใหม่ ซึ่งคาดผลประกอบการของ SEAFCO จะเพิ่มขึ้นเป็น 101 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3/61 เพิ่มขึ้น 125% จากปีก่อน และ 8.6% จากไตรมาสก่อน จากการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการ One Bangkok ที่เร่งตัวขึ้น โดยคาดผลประกอบการเพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน และ 6% จากไตรมาสก่อน เป็น 107 ล้านบาทในไตรมาส 4/61 จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ คาดการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้งานในมือของ SEAFCO อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท จากการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เช่น สายสีส้ม และโครงการ One Bangkok ทำให้ในปัจจุบัน SEAFCO มีความพร้อมที่จะรับงานเพิ่มขึ้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยที่ผลประกอบการจะโตต่อในไตรมาส 4/61 จากโครงการประมูล เช่น ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง, มอเตอร์เวย์บางปะอิน – โคราช และบางใหญ่ – กาญจนบุรี, สายสีม่วงใต้, รถไฟรางคู่, รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และการประมูลโครงการเอกชนอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม จากการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ทำให้เราคาดผลประกอบการปีนี้จะเพิ่มขึ้น 12.4% และปรับมูลค่าที่เหมาะสมจาก PER 23.4 เท่าสำหรับปี 2561 เป็น 21.4 เท่าสำหรับปี 2562 ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 11 บาท เป็น 11.80 บาท แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีความเสี่ยงในเชิงบวกคือ การก่อสร้างที่ล่าช้า, โครงการใหม่ที่น้อยกว่าคาด, ต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น

Back to top button