SENA ลั่นรายได้ปี 61 โตตามนัด 20% โชว์แบ็คล็อกหมื่นล้าน ทยอยรับรู้ถึงปี 64

SENA ลั่นรายได้ปี 61 โตตามนัด 20% โชว์แบ็คล็อกหมื่นล้าน ทยอยรับรู้ถึงปี 64


นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริเสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และยอดขายปี 62 จะเติบโตมากกว่าปี 61 จากแผนการเปิดโครงการใหม่รวมกว่า 20 โครงการ โดยคาดว่าโครงการคอนโดมิเนียมที่พัฒนาร่วมกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีที่ดินที่รองรับการพัฒนาโครงการแล้ว 50% หรือประมาณ 4-5 โครงการ

ประกอบกับมีแผนการเปิดโครงการแนวราบที่พัฒนาเองมากขึ้นด้วย ทำให้คาดว่าการเปิดโครงการในปี 62 มีความเป็นไปได้ที่จะมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยบริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารเพื่อสรุปงบประมาณแผนธุรกิจปี 62 ในวันที่ 13 พ.ย.61  โดยคาดว่าการใช้งบประมาณซื้อที่ดินปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 6-9 พันล้านบาท จากแผนการเปิดโครงการที่มากขึ้นด้วย

ขณะที่ปี 61 บริษัทคาดว่ายอดขายจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 1.03 หมื่นล้านบาท และรายได้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.2 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเปิดตัวโครงใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 5 โครงการ มูลค่า 6.52 พันล้านบาท ส่วนโครงการที่พัฒนาร่วมกับฮันคิวปัจจุบันมี 7 โครงการ ซึ่งมียอดจองที่ 50-80% ถือว่าอยู่ในระดับดีกว่าคาด

สำหรับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกับฮันคิวปัจจุบันมีจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการนิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง (Niche MONO Sukhumvit – Bearing),  2.โครงการ นิช โมโน เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์  (Niche Pride Taopoon-Interchange),  3.โครงการ ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI),  4.โครงการ นิช โมโน เจริญนคร (NICHE MONO CHAROEN NAKORN) 5.โครงการ นิช โมโน เมกะ สเปซ บางนา (Niche MONO Mega Space Bangna),  6. โครงการ นิช โมโน รามคำแหง (Niche Mono Ramkhamhaeng) และ 7.โครงการ ปีติ บางจาก (PITI Bang Chak)

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เริ่มทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ จนถึงปี 64 โดย Backlog ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในสัดส่วนมากที่สุดในปี 63 ทำให้คาดว่าผลประกอบการปี 63 จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าร่วมกับบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น เพื่อสร้างรายได้ประจำให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในกลางปี 62 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากรายได้ประจำ (recurring income) อยู่ราว 8-9% จากการลงทุนในคอมมูนิตี้ มอลล์, อาคารสำนักงาน และสนามกอล์ฟ ส่วนรายได้อีก 92% ที่เป็นรายได้หลัก ยังมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย จากโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม ซึ่งแบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาร่วมกับบริษัทฮันคิวฯ 60% และจากโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 20%

นางสาวเกษรา กล่าวอีกว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมธนาคารพาณิชย์ห้ามปล่อยกู้เกินมูลค่าหลักประกัน (LTV) เกินอัตราที่กำหนด น่าจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในส่วนของบริษัทมีสัดส่วนบ้านระดับราคา 10 ล้านบาท ประมาณ 2-3% ส่วนประเด็นการเลือกตั้ง บริษัทไม่มีความกังวลเนื่องจากเห็นทิศทางกำลังซื้อยังมีแนวโน้มที่ดี

อีกทั้ง บริษัทมีแผนในการให้ความสนใจธุรกิจบริการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์มากขึ้นในปี 62 เพื่อเป็นผู้ให้บริการติดตั้งให้กับผู้ประกอบการเอกชนที่สนใจ (Private PPA) อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามนโยบายและแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เกี่ยวกับโซลาร์รูฟเสรีให้มีความชัดเจน ซึ่งมองว่าจะทำให้ตลาดรายย่อย (retail) มีความน่าสนใจมากขึ้น

Back to top button