สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 พ.ย.61
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณความพร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอุตสาหกรรมทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับมุมมองที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรนั้น จะสามารถขัดขวางนโยบายกีดกันการค้าของปธน.ทรัมป์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,180.30 จุด พุ่งขึ้น 545.29 จุด หรือ +2.13% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,813.89 จุด เพิ่มขึ้น 58.44 จุด หรือ +2.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,570.75 จุด เพิ่มขึ้น 194.79 จุด หรือ +2.64%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับความชัดเจนหลังการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ ซึ่งผลการเลือกตั้งเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 366.39 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,579.10 จุด เพิ่มขึ้น 94.76 จุด หรือ +0.83% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,137.94 จุด เพิ่มขึ้น 62.76 จุด หรือ +1.24% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,117.28 จุด เพิ่มขึ้น 76.60 จุด หรือ +1.09%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มทรัพยากร
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,117.28 จุด เพิ่มขึ้น 76.60 จุด หรือ +1.09%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 และสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมระหว่างสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 54 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 61.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 72.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1228.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.9 เซนต์ หรือ 0.48% ปิดที่ 14.569 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 7.3 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ 878.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 25.40 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 1120.70 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 พ.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะสร้างความยากลำบากต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการผ่านนโยบายต่างๆ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.34 เยน จากระดับ 113.39 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0003 ฟรังก์ จากระดับ 1.0032 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3099 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3139 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1454 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1412 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3146 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3093 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7285 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7215 ดอลลาร์สหรัฐ