ครึ่งบ่ายไม้สั้น – บล.คันทรี่กรุ๊ป

สรุปตลาดภาคเช้า

ตลาดภาคเช้าปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดรอบบ้านมีทิศทางไม่ชัดเจน สำหรับกลุ่มที่ Outperform ในภาคเช้าคือหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบ ปิดตลาดภาคเช้าดัชนีเปลี่ยนแปลง +3.73 จุด (+0.25%) มาอยู่ที่ 1,507.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1.6 หมื่นล้านบาท

 

แนวโน้ม ภาคบ่าย

ประเมินดัชนีช่วงบ่ายคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เรามองนักลงทุนจะรอดูท่าทีของ FOMC รวมถึงมีความกังวลต่อประเด็นหนี้กรีซซึ่งจะต้องชำระหนี้ก้อนใหญ่ในปลายเดือนนี้ และ คาดการ GDP ของ ธปท. จะกดดันให้เกิดการขายล๊อคกำไรหากดัชนีขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,515 จุด สำหรับกลยุทธ์ การลงทุน แนะนำทยอยขายล๊อคกำไรกลุ่มพลังงาน และเลือกลงทุนในหุ้น Market cap. เล็กรายตัว

 

วิเคราะห์ทางเทคนิค

KIAT (180 min)  ราคาปิด 1.08 บาท

แนวรับ 1.06 บาท           แนวต้าน 1.15 บาท

แนว cut loss หากใกล้จะหลุด 1.04 บาท

กราฟ KIAT สะสมพลังมาหลายวัน เคลื่อนไหวเป็น side way อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะ 3วันที่ผ่านมาสามารถยกฐานราคาได้สูงขึ้น เมื่อพิจารณากราฟ 180 นาที จะพบว่าตัดเส้นแนวต้านขึ้นมาได้แล้ว ขณะที่ RSI แอบไต่ระดับเป็น Bullish divergence ซึ่งจะบีบให้ราคาหุ้นยกฐานสูงขึ้นไปอีก เราคาดว่าอีกไม่นานราคาจะขึ้นไปทดสอบ 1.15 บาทได้เป็นอย่างน้อย  แนะนำซื้อ

 

เด็กแนว

TK เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อมอไซด์รายใหญ่ ที่มีอัตราสำรองหนี้สูญต่ำ และบริษัทมีการปรับปรุงพอร์ทสินเชื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น   ผลของการลดต้นทุน และผลของดอกเบี้ยต่ำ อีกทั้งการฟื้นตัวของสินเชื่อ จยย. ทำให้ตั้งแต่ Q4 เป็นต้นมายอดสินเชื่อเติบโตดีขึ้น  และมาเด่นชัดใน Q1 นี่เองที่กำไรทะลัก 51%  ถือเป็นบริษัท leasing ที่เติบโตเด่น  แต่ราคาหุ้นกลับเคลื่อนไหวช้าไปหน่อย  สิ่งที่นักลงทุนต้องระวังก็คือราคาหุ้นของ leasing บางตัวปรับตัวขึ้นเกินจริงจนมี PBV สูงกว่า 5 เท่า ขณะที่ TK มี PBV เพียง 1.2 เท่าต่ำสุดในกลุ่มนี้ และเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีคุณภาพของ Asset แข็งปั๋ง มีหนี้สินต่อทุนต่ำ และมีกำไรสะสมบานตะไทกว่า 2.5 พันล้านบาท และค่า PE จากประเมินกำไรปี 58 ลดลงเหลือเพียง 12 เท่า  หุ้นดี หุ้นถูกที่น่าเล่น ไม่ต้องไล่ราคา ไม่ต้องแบกความเสี่ยงโดนตีหัว นอกจากนี้ยังเคยมีกระแสว่ากลุ่มนี้จะไปเทกกิจการ leasing รายอื่นเข้ามาเพิ่มเติมด้วย ถือว่าน่าสนใจ

ด้านสัญญาณกราฟของ TK  สร้างรูปธงครั้งที่สองในรอบ 12 เดือน ซึ่ง momentum ในการเหวี่ยงขึ้นนี้น่าจะใกล้เคียงกับครั้งแรก โดยมีแนวต้านสำคัญ 12 บาท ซึ่งถือว่ายังเป็นราคาที่ไม่สูงนัก เพราะในอดีตราคาหุ้นเคยอยู่แล้ว 20 บาทซะด้วยซ้ำ   แนะนำเก็งกำไรกันเถอะ