SQ มั่นใจผลงานปี 62 เทิร์นอะราวด์ ชูแบ็คล็อก 3.4 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้ยาว 9 ปี

SQ มั่นใจผลงานปี 62 เทิร์นอะราวด์ ชูแบ็คล็อก 3.4 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้ยาว 9 ปี


นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกล อิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 787 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากไตรมาส 2/2561 และมีผลขาดทุนสุทธิ 199 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2561 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 58 ล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากประสบสภาวะฝนตกหนัก ซึ่งเป็นอุปสรรคในการทำงานในโครงการเหมืองแม่เมาะ เหมืองหงสา และโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 มีการปรับแนวสายพาน (relocated) จำนวน 24 วันตามแผนการดำเนินงาน ทำให้รับรู้รายได้ได้น้อยลง ในขณะที่บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 24 ล้านบาทจากการเบิกเงินกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้นเพื่อลงทุนในโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 และค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท จากโครงการแม่เมาะ 8 ที่รับรู้เต็มจำนวนในไตรมาส 3/2561

สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดเดือนกันยายน ปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 2,443 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ ขาดทุนสุทธิ 295 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 349 ล้านบาท เนื่องจากเหตุดินถล่มที่เหมืองแม่เมาะช่วงต้นปี กระทบการติดตั้งสายพานโครงการแม่เมาะ 8 ล่าช้าไปถึง 6 เดือนและทำให้บริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นชั่วคราว จากการใช้รถบรรทุกเพื่อขนดินแทนการใช้สายพาน และเมื่อติดตั้งสายพานเรียบร้อยแล้ว ต้องใช้เวลาในการเร่งกำลังการผลิตประมาณ 3 เดือนจนกว่าจะเดินเครื่องให้เต็มที่ จึงทำให้สร้างรายได้ไม่เพียงพอที่จะมาชดเชยกับค่าเสื่อมราคาและ ค่าใช้จ่ายทางการเงิน ที่เพิ่มขึ้น จากโครงการเหมืองแม่เมาะ 8

นายศาศวัต กล่าวเพิ่มว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าผลประกอบการ จะพลิกเป็นมีกำไรได้ตามปกติในไตรมาส 4 เป็นต้นไป และจะสามารถ Turn Around ได้สมบูรณ์ในปีหน้า หลังจากบริษัทฯ สามารถเดินเครื่องจักรใหญ่และระบบสายพานโครงการแม่เมาะ 8 ได้สมบูรณ์ 100% แล้ว และ ปัญหาฝนตกหนัก ได้บรรเทาแล้วหลังจากหมดฤดูฝน อีกทั้งการปรับแนวสายพานของโครงการแม่เมาะ  7 ได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะทำให้กลับมาดำเนินงานได้เต็มกำลังการผลิต

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีปริมาณงานในมือมากถึง 34,078 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ถึง 9 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย โครงการแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 19,387 ล้านบาท โครงการหงสา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมูลค่าประมาณ 10,262 ล้านบาท โครงการแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 757 ล้านบาท และโครงการเหมืองแร่ดีบุกเมืองเฮนดา สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า มูลค่าประมาณ 3,672 ล้านบาท ส่วนการประมูลงานใหม่ บริษัทฯเตรียมเข้าประมูลงานเหมือง เฟสใหม่ของโครงการหงสา ซึ่งเป็นลูกค้าหลักรายหนึ่งของบริษัทฯ ในปีหน้าและ โครงการใหม่ต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น

Back to top button