BCP เปิดแผนปี 62 เล็งทุ่ม 2 พันลบ.ขยายปั๊ม-non oil หนุนปริมาณขายน้ำมันโต 8%

BCP เปิดแผนปี 62 เล็งทุ่ม 2 พันลบ.ขยายปั๊ม-non oil หนุนปริมาณขายน้ำมันโต 8%


นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า แผนกลุ่มธุรกิจการตลาดในปี 62 บริษัทจะใช้งบลงทุนเพื่อขยายสถานีบริการน้ำมัน และธุรกิจ non-oil ประมาณ 2 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีนี้ที่ใช้เงินลงทุนกว่า 2.2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากการขยายสถานีบริการน้ำมันส่วนใหญ่เป็นการร่วมทุนมากขึ้น ทำให้การลงทุนในส่วนของบริษัทน้อยลง ซึ่งการขยายงานดังกล่าวเชื่อว่าจะผลักดันปริมาณขายน้ำมันในปีหน้าให้เติบโต 7-8% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าปีนี้ที่มีปริมาณขาย 335 ล้านลิตร/เดือน ขยายตัวราว 6% จากปีที่แล้ว ขณะที่ปริมาณขายน้ำมันของบริษัทนับว่าสูงกว่าตลาดที่คาดขยายตัวระดับ 3% ในช่วงปี 61 และปี 62

“ปี 62 demand เติบโตประมาณ 3% ในส่วนของเราคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 7-8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ท้าทาย ส่วนปี 61 ยอดขายผ่านปั๊ม 8 เดือนแรกปีนี้เติบโต 6% ทั้งปีก็น่าจะโตได้ 6% มาร์เก็ตแชร์ปีนี้เราตั้งเป้า 15% ช่วง 8 เดือนแรกเราก็ทำได้แล้ว 15.8% เพราะในช่วงที่ผ่านมาเราเพิ่มสถานีบริการอย่างมีนัยสำคัญ ปีที่แล้วเพิ่ม 72 แห่ง ปีนี้ถึงสิ้นปีเปิดใหม่อีก 77 แห่ง 2 ปีรวมกันร่วม 150 แห่ง”นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวอีกว่า การดำเนินธุรกิจในปี 62 มีแผนเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่ 80 แห่ง จากระดับ 1,170 แห่งในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และเปิดร้านกาแฟอินทนิล อีก 200 แห่ง จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 550 แห่ง ส่วนร้านซูเปอร์มาร์เก็ต SPAR มีแผนจะเปิดอีก 20-30 สาขา จากในปีนี้ที่คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 44 สาขา

สำหรับเป้าหมายในช่วง 4 ปีข้างหน้า (ปี 62-65) วางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี ,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในต่างประเทศ ของธุรกิจการตลาดเพิ่มเป็น 10% จากปัจจุบันที่มีอยู่ไม่มากนัก โดยจะมาจากการขายน้ำมันหล่อลื่นที่ปัจจุบันมีการขายออกไป 12-13 ประเทศ ,การขยายร้านอินทนิล ผ่านสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ ที่เริ่มเปิดสาขาแล้ว 3 แห่งในกัมพูชา และอีก 1 แห่งในลาว

โดยมีเป้าหมายจะขยายที่กัมพูชาเพิ่มอีก 2 แห่งในปีหน้า ถ้าหากเป็นผลสำเร็จ ก็วางเป้าหมายจะขยายร้านกาแฟอินทนิลในลาวและกัมพูชา รวม 50 แห่งภายในปี 65 และในอนาคตคาดหวังจะมีแฟรนส์ไชส์ซีสถานีบริการน้ำมันบางจากในต่างประเทศ จากปัจจุบันที่มีเพียง 1 แห่งในเมียนมา ซึ่งเป็นการลงทุนจากลูกค้า

ส่วนการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล B20 ของบริษัท ปัจจุบันมีการจำหน่ายอยู่ 2.7 ล้านลิตร/เดือน จากลูกค้าที่ขึ้นทะเบียนกับกรมธุรกิจพลังงานและเป็นลูกค้าบริษัท 43 ราย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 80% ขณะที่รัฐบาลจะปรับเพิ่มส่วนต่างราคา B20 ให้ถูกกว่าน้ำมันดีเซลปกติในระดับ 5 บาท/ลิตรในเดือน ธ.ค.นี้ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดการใช้ให้เพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ บริษัทได้สร้างสรรค์ประสบการณ์และนวัตกรรมสีเขียวรูปโฉมใหม่ Bangchak Greenovative Experience รองรับวิถีชีวิตยุคใหม่ของคนไทย โดยพัฒนารูปแบบสถานีบริการน้ำมันแบบใหม่ ด้วยโครงการ Green Community Energy Management System (GEMS) ที่สถานีน้ำมันบางจาก ศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันที่ผลิตพลังงานไฟฟ้าสีเขียว สำหรับใช้ในอาคาร ร้านค้าต่าง ๆ ภายในสถานีบริการ ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า และรองรับการซื้อขายไฟฟ้าในอนาคต โดยใช้เงินลงทุนราว 30 ล้านบาท/แห่ง ไม่รวมค่าที่ดิน เบื้องต้นวางเป้าหมายที่จะเริ่มซื้อขายไฟฟ้าได้ภายในสิ่นปีนี้

สำหรับ GEMS ประกอบด้วยโซลาร์รูฟบนหลังคาสถานีบริการน้ำมัน อาคารร้านค้า SPAR และที่จอดรถ ขนาดกำลังการผลิตรวม 279 กิโลวัตต์ชั่วโมง (KWh) พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน หรือแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมอิออน (NMC และ LFP) ขนาด 1 เมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) โดย GEMS จะซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในช่วงเวลาตี 1 ถึงตี 4 ซึ่งมีราคาต่ำมากักเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และนำไฟฟ้าดังกล่าวกลับมาใช้ในเวลากลางวัน

โดยจะเปิดให้ผู้ประกอบการในพื้นที่สถานีบริการประมูลแข่งขันอัตราค่าไฟฟ้า เพื่อนำไฟฟ้ามาใช้ในช่วงกลางวัน ซึ่งจะได้ราคาถูกกว่าการซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าโดยตรง ที่จะมีอัตราค่าไฟฟ้าในช่วงกลางวันสูงกว่าปกติ โดยการซื้อขายดังกล่าวจะดำเนินการผ่านแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้าแบบ Auction Exchange คล้ายการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งพัฒนาโดยผู้ประกอบการไทย โดยใช้ “Genie” เป็นสกุลเงินดิจิทัลในการประมูลทุก ๆ 15 นาทีตลอดทั้งวัน

Back to top button