สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ

 สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 14 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากราคาหุ้นแอปเปิลดิ่งลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า แอปเปิลอาจประสบปัญหายอดขาย iPhone ที่ตกต่ำในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้น จะนำไปสู่การใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อภาคธนาคาร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,080.50 จุด ลดลง 205.99 จุด หรือ -0.81% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,701.58 จุด ลดลง 20.60 จุด หรือ -0.76% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,136.39 จุด ลดลง 64.48 จุด หรือ -0.90%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านงบประมาณของอิตาลี หลังจากรัฐบาลอิตาลีปฏิเสธที่จะทบทวนร่างงบประมาณประจำปี 2562 แม้มีข้อกำหนดว่าร่างงบประมาณของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) จะต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบด้านการคลังของ EU ก็ตาม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.2% ปิดที่ 362.27 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,412.53 จุด ลดลง 59.69 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,033.79 จุด ลดลง 19.97 จุด หรือ -0.28% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,068.85 จุด ลดลง 32.99 จุด หรือ -0.65%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) ก่อนที่คณะรัฐมนตรีอังกฤษจะพิจารณาร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,033.79 จุด ลดลง 19.97 จุด หรือ -0.28%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ชาติสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) สนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เพื่อสร้างความสมดุลในตลาดน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 1.01% ปิดที่ 56.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 66.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากมีรายงานว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลงเมื่อเทียบรายปี

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,210.1 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 10.3 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 14.08 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 7.5 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 833.8 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 18.10 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 1,110.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากคณะรัฐมนตรีอังกฤษได้ลงมติอนุมัติร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3036 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2954 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1338 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1268 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7246 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7202 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.48 เยน จากระดับ 113.84 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0046 ฟรังก์ จากระดับ 1.0085 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3225 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3253 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button