สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 15 พ.ย. 2561

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 15 พ.ย. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า สหรัฐได้ชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเอาไว้ชั่วคราว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลายลง นอกจากนี้ การฟื้นตัวของราคาหุ้นแอปเปิลยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,289.27 จุด พุ่งขึ้น 208.77 จุด หรือ +0.83% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,730.20 จุด เพิ่มขึ้น 28.62 จุด หรือ +1.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,259.03 จุด เพิ่มขึ้น 122.64 จุด หรือ +1.72%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ หลังจากรัฐมนตรีหลายคนของอังกฤษประกาศลาออกเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ยื่นต่อสหภาพยุโรป (EU)

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 358.14 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,353.67 จุด ลดลง 58.86 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,038.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ +0.06% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,033.62 จุด ลดลง 35.23 จุด หรือ -0.70

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติปรับตัวขึ้น โดยปัจจัยที่ทำให้เงินปอนด์ร่วงลงนั้นมาจากข่าวที่ว่า รัฐมนตรีหลายคนของอังกฤษประกาศลาออกเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ยื่นต่อสหภาพยุโรป (EU)

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,038.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.22 จุด หรือ +0.06%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) แม้สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยสัญญาน้ำมันดิบยังคงได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ส่งสัญญาณปรับลดการผลิต

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 56.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 66.62 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในอังกฤษส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่สัญญาพัลลาเดียมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการพัลลาเดียมซึ่งเป็นโลหะที่ใช้ในแวดวงอุตสาหกรรมนั้น จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,215.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18.3 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 14.263 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 11.5 ดอลลาร์ หรือ 1.38% ปิดที่ 845.3 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 27.20 ดอลลาร์ หรือเกือบ 2.5% ปิดที่ 1,137.40 ดอลลาร์/ออนซ์

 

เงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ย.) หลังจากรัฐมนตรีหลายคนของอังกฤษประกาศลาออกเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ยื่นต่อสหภาพยุโรป (EU)

เงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2796 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3036 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1348 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1338 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7290 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7246 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.59 เยน จากระดับ 113.48 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ  1.0057 ฟรังก์ จากระดับ 1.0046 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3170 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3225 ดอลลาร์แคนาดา

 

Back to top button