SAPPE บวกแรง6% คาดเก็งฯหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน ฟากโบรกฯชี้ Q4 ยังไม่สดใสแนะนำเพียงถือ

SAPPE บวกแรง6% คาดเก็งฯหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน ฟากโบรกฯชี้ Q4 ยังไม่สดใสแนะนำเพียงถือ โดย ณ เวลา 11.14 น. อยู่ที่ระดับ 18.20 บาท บวก 1.10 บาท หรือ 6.43% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.34 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ณ เวลา 11.14 น. อยู่ที่ระดับ 18.20 บาท บวก 1.10 บาท หรือ 6.43% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.34 ล้านบาท ราคาหุ้นบวกแรงคาดเก็งกำไรทางเทคนิคหลังหุ้นเป็นขาลงมานาน 1 ปี โดยเทียบตั้งแต่หุ้นอ่อนตัวจากระดับ 33.00 บาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.60

บล.ฟินันเซีย ไซรัส  ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิไตรมาส3/61 เท่ากับ 67 ล้านบาท (-43.2% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, -39.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) ต่ำกว่าคาด (เราคาดไว้ 88 ล้านบาท) มาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่หดตัวแรง โดยกำไรที่ลดลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า ถือว่าสอดคล้องกับปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วง Low Season

ส่วนสาเหตุที่กำไรลดลง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมาจากการลดลงของรายได้ -25.3% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ -12.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและต้นทุนเม็ดพลาสติกยังอยู่ในระดับสูง บวกกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่อ่อนตัวลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงแรงมาอยู่ที่ 33.5% (เราคาดไว้ 36%) จาก 36.2% ใน 2Q18 และ 38.1% ใน 3Q17 ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส

ในขณะที่ควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลงมากที่สุด แต่ด้วยรายได้ที่ลดลงมาก ยังคงทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 21.9% เพิ่มขึ้นจาก 18.9% ในไตรมาส2/61 และ 21.3% ในไตรมาส 3/60 สำหรับส่วนแบ่งผลประกอบการจาก All Coco ยังขาดทุน -2.7 ล้านบาท ขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลจากต้นทุนมะพร้าวที่แพงขึ้น แต่ล่าสุดได้เริ่มถูกลงตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส3/61 ที่ผ่านมา

บริษัทมีกำไรสุทธิ  9 เดือนปี 2561 เท่ากับ 302 ล้านบาท (-6.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) แนวโน้มกำไรน่าจะทรงตัวถึงอ่อนตัวลงเทียบไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 4/61 เพราะยังอยู่ในช่วง Low Season ของธุรกิจ โดยเฉพาะการส่งออก รวมถึงคาดต้นทุนเม็ดพลาสติกน่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่วนสิ่งที่น่าจะดีขึ้นคือ ส่วนแบ่งจาก All Coco ที่อาจพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังรับรู้ต้นทุนมะพร้าวที่ถูกลงได้เต็มไตรมาส แต่มองว่ายังไม่สามารถชดเชยธุรกิจหลักของ SAPPE จนทำให้กำไรไตรมารส4/61 เติบโตได้ ด้วยกำไรไตรมาส 3/61 ที่ต่ำกว่าคาด

รับลดกำไรสุทธิปี 61  ลง 15% เป็น 371 ล้านบาท (-7.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และปรับลดกำไรสุทธิปี 2019 ลง 19% เป็น 402 ล้านบาท (+8.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) นำไปสู่การปรับลดราคาเป้าหมายปี 2019 ลงเป็น 23 บาท จากเดิม 29 บาท (ปรับลด PE เป็น 18 เท่า จากเดิม 20 เท่า จากแนวโน้มการเติบโตที่ดูไม่สดใสเหมือนเดิม) ราคาหุ้นปรับลงมามาก ทำให้มี Upside 11.7% แต่ด้วยโมเมนตัมของกำไรที่ยังไม่สดใสในไตรมาส4/61และอยู่ระหว่างปรับตัวรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น จึงปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ จากเดิม ซื้อ  

Back to top button