AEC แปลงสภาพสู่โฮลดิ้ง เร่งขายธุรกิจโบรกเกอร์เบนเข็มทำวานิชธนกิจเต็มตัว!
AEC แปลงสภาพสู่โฮลดิ้ง เร่งขายธุรกิจโบรกเกอร์เบนเข็มทำวานิชธนกิจเต็มตัว!
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC เปิดเผยว่า AEC จะปรับบทบาทไปเป็นบริษัทโฮลดิ้ง โดยมีแผนจะเข้าร่วมทุนกับธุรกิจที่มีแนวโน้มที่ดี (Potential) ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งระหว่างนี้ได้เจรจาเข้าร่วมทุนอยู่หลายรายในกลุ่มประเทศ CLMV และยังจับมือพันธมิตรสิงคโปร์เข้ามาร่วมธุรกิจขาย ICO หรือจับคู่ธุรกิจที่ต้องการควบรวมกิจการ (M&A) ระหว่างบริษัทต่างประเทศกับบริษัทจดทะเบียนของไทย
ทั้งนี้ AEC ได้ขายสินทรัพย์ธุรกิจตัวแทนนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์รายย่อย พอร์ตลูกค้า พร้อมทีมงานเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) กว่า 100 คน ให้กับ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำนวน 7 สาขา อยู่ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด และ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำนวน 2 สาขา คือสาขาบางนา และสาขาซอยศูนย์วิจัยฯ ในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ กระบวนการซื้อขายเสร็จภายในเดือนธ.ค.61
ดังนั้น บริษัทจะไม่มีสาขาห้องค้าแล้ว และคงเหลือทีมมาร์เก็ตติ้งที่สำนักงานใหญ่ไม่เกิน 20 คน ซึ่งส่วนใหญ่ดูแลลูกค้าสถาบันเป็นหลัก ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 5-6 แห่ง โดยบริษัทยังมีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (ไลเซ่นส์) โบรกเกอร์ยังอยู่
“เรา diversify ธุรกิจโบรกเกอร์ มาเป็นธุรกิจ Non- Brokered ที่มีมาร์จิ้นดีกว่า เรา downsize ธุรกิจ Brokered จะเน้น Non-Brokered มากขึ้น เพราะวันนี้มีการตัดราคาค่าธรรมเนียมฯ ของธุรกิจโบรกเกอร์ ขณะที่ ธุรกิจ Non-Brokered ไม่มีการตัดราคาเพราะธุรกิจซับซ้อนมากกว่า และธุรกิจโบรกเกอร์ก็ยังต้องมีภาระการดูแลพนักงาน
ทั้งนี้ บริษัทมองว่าธุรกิจ Brokered มีการแข่งขันกันเยอะ มาร์จิ้นลดลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราขายออกไปแล้วเอาเงินไปลงทุนธุรกิจอื่นที่น่าจะมี yield ดีกว่า และจากที่เราทำด้าน IB ด้าน Fixed imcome ใช้คนไม่กี่คน แต่ทำรายได้และกำไรได้ดี จึงคิดว่าไปทำแบบนั้นดีกว่า ทั้งนี้จะนำกำไรที่ขายสินทรัพย์ในธุรกิจโบรกเกอร์ ไปใช้ลงทุนบริษัทร่วมทุนที่เห็นว่ามีแนวโน้มธุรกิจดี” นายชนะชัย กล่าว
โดยหลังจากขายธุรกิจโบรกเกอร์รายย่อยออกไปแล้ว ในปี 62 บริษัทจะมุ่งหน้าเน้นทำธุรกิจที่ไม่ใช่นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Non-Brokered) ได้แก่ ธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking:IB) มีทั้งงานที่ปรึกษาทางการเงินในการนำธุรกิจระดมทุนจากตลาดทุนผ่านการขายเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และการระดมทุนผ่านการเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ICO) ,การจับคู่ธุรกิจ รวมถึงควบรวมกิจการ (M&A) , ธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ทั้งตลาดแรกและตลาดรอง
รวมทั้งการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth) ให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีการลงทุนเอง (Porfolio) ทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ และเป็นตัวแทนขายหน่วยลงทุนของทุกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)