SKE เล็งขายก๊าซ CBG ให้กลุ่มปตท.เต็ม100% พร้อมเพิ่มกำลังผลิตลุยเจาะตลาดปั้ม NGV อีสานใต้
SKE จ่อเซ็นสัญญาขายก๊าซ CBG ให้กลุ่มปตท. เต็ม 100% ของกำลังการผลิตคือ 9,000 กิโลกรัมต่อวัน พร้อมกางแผนเพิ่มกำลังผลิต ลุยเจาะตลาดปั้ม NGV ภาคอีสานใต้
นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมผลิตก๊าซ CBG ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท และเตรียมทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับ กลุ่มปตท. ทั้ง 100% ของกำลังการผลิตคือ 9,000 กิโลกรัมต่อวัน ( 9 ตันต่อวัน) ซึ่งถ้าคิดเป็นปี จะสามารถผลิตก๊าซ NGV ได้ประมาณ 3,285,000 กิโลกรัมต่อปี ( 3,285 ตันต่อปี) เพื่อสร้างความมั่นคงของธุรกิจ
ทั้งนี้การขายก๊าซ CBG กับ กลุ่มปตท. เป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่จะเน้นการขายปลีกให้กับลูกค้ารายย่อย เป็นการขายส่งให้กับกลุ่มปตท. เนื่องจาก กลุ่มปตท. เป็นทั้งพันธมิตรธุรกิจที่สำคัญและเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน อันดับหนึ่งของประเทศ ที่มีความมั่นคงทางธุรกิจสูงสุด และ บริษัทฯมีโอกาสที่จะเพิ่มรายได้อย่างชัดเจน และสำหรับกลุ่มปตท. การซื้อก๊าซ CBG จาก SKE จะสามารถช่วยกลุ่ม ปตท. ลดต้นทุนในการขนส่ง และเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในธุรกิจ NGV จึงทำให้การธุรกิจร่วมกันเป็น WIN WIN สำหรับทั้ง 2 บริษัท
ขณะที่ในอนาคตอันใกล้ บริษัทฯเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซ CBG เพื่อเจาะกลุ่มสถานีบริการก๊าซ NGV ในเขตภาคอีสานใต้ อาทิ บุรีรัมย์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด เป็นต้น ทางบริษัทฯได้เปิดให้บริการ CBG ล่าช้า เนื่องจากระบบก๊าซ CBG ที่ทางบริษัทฯทำออกมาได้มีคุณภาพที่ดี อยู่ที่ 92 -94% ซึ่งดีกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ประมาณ 85% ทำให้ทางบริษัทฯต้องมีการปรับปรุงก๊าซและตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถเปิดใช้บริการภายในเดือนธันวาคมนี้แน่นอน และจะเริ่มทำการขายก๊าซ CBG เต็มรูปแบบเดือนมกราคม 2562
โดยการลงทุนในครั้งนี้ยังได้รับการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการผลิตไบโอมีเทนอัด (CBG) ในสถานประกอบการที่มีระบบก๊าซชีวภาพจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทอีกด้วย ภายในต้นปี 2562 และ ยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร
สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2561 สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 255.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 มีรายได้ 247.3 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการอัดก๊าซที่เพิ่มขึ้น และในงวดนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 45.16 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งนี้ทางบริษัทฯยังสามารถรักษาโครงสร้างการเงินที่ดี โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ดีคือ 0.15 เท่า และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 40% และอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 18%
ทั้งนี้ทางบริษัทฯ คาดว่าปีหน้า บริษัทฯมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น จากธุรกิจหลัก ในการบริการอัดก๊าซ NGV ซึ่งขยายตัวตามภาคขนส่งและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการ EEC และการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และเนื่องจากการขายก๊าซ CBG ให้กับปตท. 100% เพื่อสร้างศักยภาพที่ดีให้แก่บริษัทฯ และการเติบโตที่ยั่งยืนในธุรกิจพลังงาน แม้ปัจจุบันจะได้รับผลกระทบบ้างจากการเปิดใช้ท่อก๊าซเส้นใหม่ของกลุ่มปตท. ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงทำให้ก๊าซ NGV ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักของภาคขนส่งขนาดใหญ่ ทางบริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในปีหน้า