“นิตินัย” เรียกความเชื่อมั่น! ย้ำผลงาน AOT ไตรมาส 4 “นิวไฮ” แม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวหดตัว
"นิตินัย" เรียกความเชื่อมั่น! ย้ำผลงาน AOT ไตรมาส 4 "นิวไฮ" แม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวหดตัว
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้บริษัทชะลอโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังที่ 2 (Terminal 2) ไว้ก่อน เนื่องจากมีผู้สงสัยว่า AOT อาจดำเนินโครงการไม่ตรงตามรายงานผลการศึกษาขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และไม่เป็นไปตามแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานรอบคอบ AOT จึงทำหนังสือสอบถามความเห็นจาก ICAO ในฐานะผู้จัดทำรายงานผลการศึกษาแผนแม่บทท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) เป็นพื้นที่ที่ AOT จะใช้ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
โดยจากกรณีดังกล่าวยอมรับว่า AOT เสียโอกาสที่จะมีพื้นที่เพิ่ม เพื่อรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นต้องล่าช้าไปด้วย นั่นหมายถึงรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารจากอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ดังกล่าว ที่สำคัญไม่สามารถตอบได้ว่าเรื่องนี้จะได้ข้อสรุปเมื่อใด ต้องรอดูว่า ICAO จะตอบกลับมาว่าอย่างไร
ล่าสุดวันนี้ (23 พ.ย.61) นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศทาง Facebook Live ข่าวหุ้นธุรกิจ และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz. เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า จากการชะลอการก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร เฟส 2 ดังกล่าว ส่งผลให้สนามบินสุวรรณภูมิยังคงมีผู้โดยสารหนาแน่น โดยขณะนี้มีตัวเลขผู้โดยสารอยู่ที่ระดับ 63-64 ล้านคน ขณะที่ปัจจุบันสนามบินมีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารอยู่เพียงแค่ 45 ล้านคนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการชะลอโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ออกไป ทำให้ AOT ต้องมีการปรับหลักเกณฑ์การประกวดราคา (ทีโออาร์) ร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใหม่ โดยร่างทีโออาร์ใหม่จะประมูลเฉพาะพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 (พื้นที่เดิม) และพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) เท่านั้น
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2561 นายนิตินัย ระบุว่า ผลงานจะยังคงเติบโตทำจุดสูงสุดใหม่ แม้อาจจะมีปัจจัยลบในเรื่องของตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางบริษัทได้มีการประเมินมาตั้งแต่ในช่วงต้นปีแล้วว่าการเติบโตของตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 8-9% ซึ่งเป็นไปตามการประเมินที่หากมีการเติบโตระดับนี้จะมีแผนรองรับเพื่อหนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 30 พ.ย.61
อนึ่ง รายงานข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประจำเดือน ต.ค. 2561 มียอดรวมทั้งสิ้น 2,712,033 คน ปรับลดลง 0.51% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 2,725,943 คน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีน มียอดรวมทั้งสิ้น 646,143 คน ปรับลดลง 19.80% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 805,616 คน
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวแบบรายภูมิภาค ได้แก่ กลุ่มเอเชียตะวันออก มีจำนวน 1,847,633 คน ปรับเพิ่มขึ้น 0.07% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 1,846,292 คน, กลุ่มยุโรป มีจำนวน 458,841 คน ปรับลดลง 4% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 477,946 คน, กลุ่มอเมริกามีจำนวน 117,061 คน ปรับเพิ่มขึ้น 3.45% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 113,155 คน
กลุ่มเอเชียใต้ มีจำนวน 149,489 คน ปรับเพิ่มขึ้น 7.52% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 139,037 คน, กลุ่มโอเชียเนีย มีจำนวน 82,340 คน ปรับเพิ่มขึ้น 0.4% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 82,012 คน, กลุ่มตะวันออกกลาง มีจำนวน 39,634 คน ปรับลดลง 24.53% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 52,517 คน, กลุ่มแอฟริกา มีจำนวน 17,035 คน ปรับเพิ่มขึ้น 13.69% จากช่วงปีก่อนที่อยู่ระดับ 14,984 คน