GULF ปักเป้ารายได้ปี 62 โต 60% เตรียมออกหุ้นกู้ 1 หมื่นลบ. ขายรายใหญ่-สถาบัน

GULF ปักเป้ารายได้ปี 62 โต 60% หลังจ่ายไฟโรงไฟฟ้าเพิ่ม 5 แห่ง กำลังผลิต 600 MW เตรียมออกหุ้นกู้ 1 หมื่นลบ. ขายรายใหญ่-สถาบัน


นายสารัชถ์ รัตนาวะดี กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 62 เติบโต 60% มาที่ 3.2 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 2 หมื่นล้านบาท

โดยปัจจัยหลักผลักดันรายได้ในปีหน้าจะมาจากโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเข้ามา 5 โรง กำลังการผลิตรวม 600 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศ 4 โรง และโรงไฟฟ้าในเวียดนาม 2 โรง ทำให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ COD แล้ว ณ สิ้นปี 62 จะเพิ่มเป็น 2,667 เมกะวัตต์ จากสิ้นปีนี้ 2,200 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในช่วง 3-5 ปีจากนี้จะเห็นการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักทุกปี และในปี 64 บริษัทจะมีรายได้แตะ 5 หมื่นล้านบาทหลังจากโรงไฟฟ้า IPP โรงแรกกำลังการผลิต 2,600 เมกะวัตต์เริ่ม COD

ส่วนการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น GULF วานนี้ (28 พ.ย.) มีมติอนุมัติให้บริษัทออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท อายุ 10 ปี โดยจะนำส่วนหนึ่งไปไถ่ถอนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดไถ่ถอนกลางปีหน้าราว 6 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้เพื่อการลงทุนอื่น ๆ โดยเฉพาะในโอมานและเวียดนาม คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้กับนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบันได้ภายในไตรมาส 1/62

โดยบริษัทยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ โดยกระจายไปในประเทศต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทให้ความสนใจในการลงทุนโรงไฟฟ้าในเวียดนาม เมียนมา และลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเพิ่มขึ้นในปี 62 โดยบริษัทวางงบลงทุน 5 ปี (ปี 61-65) รวม 3-4 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าใหม่จากผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (IPP) กำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) จำนวน 3 โรง กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์/โรง โครงการในเวียดนาม โครงการในโอมาน และโครงการอื่นๆ

โครงการในต่างประเทศจะเน้นการลงทุนในเวียดนามเป็นพิเศษ ทั้งที่เป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มและลม ที่ประเทศเวียดนามน่าสนใจที่สุดเพราะเศรษฐกิจมีการขยายตัวมาก และมีความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจ

ส่วนแผนการลงทุนการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศไทยยังต้องแผน PDP ฉบับใหม่ออกมาอย่างชัดเจนก่อน ซึ่งคาดว่าจะออกมาในต้นปี 62 และคาดว่าการลงทุนในประเทศไทยจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า”นายสารัชถ์ กล่าว

ส่วนการที่บริษัทเข้าซื้อซองประกวดราคาโครงการลงทุนของภาครัฐในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง และท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ก็เพื่อศึกษาโอกาสในการลงทุนในพื้นที่ EEC เท่านั้น แต่ยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะเข้าไปลงทุนหรือไม่

นอกจากนั้น นายสารัชถ์ ยังปฏิเสธข่าวลือว่า GULF สนใจเข้าซื้อหุ้นของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) โดยยืนยันว่าบริษัทไม่เคยเข้าไปศึกษาหรือเจรจาเพื่อซื้อหุ้นวินด์ฯ จากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด

Back to top button