SCN พุ่ง 8% ลุ้นผลงานไตรมาส 4/61 โตเด่น รับรู้รายได้ส่งมอบเมล์ “NGV” 1.2 พันลบ.
SCN พุ่ง 8% ลุ้นผลงานไตรมาส 4/61 โตเด่น รับรู้รายได้ส่งมอบเมล์ "NGV" 1.2 พันลบ. ล่าสุด ณ เวลา 16.01 น. อยู่ที่ 4.40 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 8.37% สูงสุดที่ 4.40 บาท ต่ำสุดที่ 4.06 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.45 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ล่าสุด ณ เวลา 16.01 น. อยู่ที่ 4.40 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 8.37% สูงสุดที่ 4.40 บาท ต่ำสุดที่ 4.06 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.45 ล้านบาท
โดย ราคาหุ้น SCN ปรับตัวขึ้น หลังวานนี้ (27 พ.ย.) กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ได้ดำเนินการส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) รอบที่ 2 จำนวน 100 คัน ให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตไว้ได้ดีเช่นเดิม โดยสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจ iCNG รวมทั้งการรับรู้รายได้จากโครงการรถเมล์ NGV งวดแรก 100 คัน และที่คาดว่าจะส่งมอบอีก 200 คัน ภายในเดือนธันวาคมนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท
ขณะที่คาดการณ์ว่ารายได้ปี 62 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุน ได้แก่ 1) การรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถเมล์ NGV ส่วนที่เหลืออีก 187 คัน มูลค่ากว่า 720 ล้านบาท และ 2) การเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เฟสแรกของโครงการโรงไฟฟ้ามินบูจำนวน 50 MW จะส่งผลในเชิงบวกกับกำไรสุทธิของบริษัทอีกด้วย
โดยภายหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกฟ้องการระงับโครงการรถเมล์ NGV ทำให้กลุ่มร่วมทุนกับ บมจ.ช.ทวี (CHO) ในนาม SCN-CHO สามารถดำเนินการส่งมอบรถเมล์ให้แก่องค์การขนส่งมวงลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายในส่วนของที่ปรึกษาและต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้เช่นเดียวกับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ขนาด 220 MW ที่บริษัทถือหุ้น 30% และเตรียมเข้าถืออีก 10% รวมทั้งสิ้น 40% โดยในปี 62 โครงการดังกล่าวจะเริ่มทยอย COD แต่ละเฟสในไตรมาสที่ 1 ของแต่ละปี รวม 4 ปี และสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอตลอดอายุสัญญา 30 ปี
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้รวมทั้งสิ้น 2,037 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SCN ที่มุ่งเสริมสร้างจุดแข็งให้กับกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ซึ่งในไตรมาส 3 นี้ ทำยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 31% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ส่งผลดีต่อรายได้รวมในไตรมาส 3 นี้ ทำได้ 651 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยความสำเร็จของธุรกิจ iCNG มาจากกลยุทธ์การดำเนินงานที่มุ่งรุกขยายฐานลูกค้าภาคอุตสาหกรรมรายใหม่ๆ รวมถึงการร่วมมือกับบริษัท โอซาก้า แก๊ส (ประเทศไทย) ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มลูกค้าพิเศษ ให้หันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในภาคการผลิต ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดและราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่น
รวมถึงได้รับผลดีจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ทำให้ลูกค้าตระหนักถึงความคุ้มค่าของการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เป็นผลให้ปริมาณการขายปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 40%
ขณะที่กำไรสุทธิ ทำได้ 133 ล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมถึงต้นทุนทางการเงิน ค่าดอกเบี้ยจากการกู้เงินเพื่อเข้าลงทุนในโครงการรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และค่าที่ปรึกษาทางกฎหมายจากกรณีโครงการรถเมล์ที่ชะลอการส่งมอบในช่วงที่ผ่านมา