ตลาดหุ้นเอเชียเขียวยกแผง! ขานรับดาวโจนส์ทะยาน 600 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นเอเชียเขียวยกแผง! ขานรับดาวโจนส์ทะยาน 600 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ (29 พ.ย.61) ขานรับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืน หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,360.98 จุด เพิ่มขึ้น 183.96 จุด, +0.83%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,613.78 จุด เพิ่มขึ้น 12.04 จุด, +0.46%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,904.21 จุด เพิ่มขึ้น 221.65 จุด, +0.83%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,959.87 จุด เพิ่มขึ้น 75.56 จุด, +0.76%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,133.95 จุด เพิ่มขึ้น 25.73 จุด, +1.22%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,123.80 จุด เพิ่มขึ้น 29.32 จุด, +0.95%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,694.85 จุด เพิ่มขึ้น 8.30 จุด, +0.49%
ด้านนายพาวเวล กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบตามมาตรฐานในช่วงที่ผ่านมา และอยู่ต่ำกว่าเพียงเล็กน้อยจากระดับที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้กระตุ้น หรือชะลอการขยายตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ไม่ได้มีการกำหนดนโยบายล่วงหน้าว่าอัตราดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับใด และจะทำการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจ และสภาวะทางการเงิน ส่วนในเรื่องตลาดหุ้นนั้น นายพาวเวลกล่าวว่า ราคาหุ้นในขณะนี้อยู่ในระดับปกติ และเฟดไม่ได้เห็นความอันตรายที่เกิดจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมากเกินไป
ขณะที่นักลงทุนมองว่าความเคลื่อนไหวของนายพาวเวลถือเป็นส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ การแสดงความเห็นครั้งล่าสุดของนายพาวเวลยังแตกต่างจากในเดือนต.ค.ซึ่งเขากล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับที่เป็นกลาง ซึ่งการแสดงความเห็นในครั้งนั้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนมองว่านายพาวเวลส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
อีกทั้งนักลงทุนยังคาดว่า ผลการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้จะช่วยคลี่คลายข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีความกังวลว่า การทำสงครามการค้ากับจีนเป็นเวลานานนั้นจะมีต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งความกังวลดังกล่าวอาจทำให้ปธน.ทรัมป์มีท่าทีประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 ที่อาร์เจนตินาในปลายสัปดาห์นี้