“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ขึ้นทดสอบ1,650 จุด ชู 12 หุ้นเด่นเน้นกลุ่มพลังงาน-โรงแรมน่าเก็บ!
“บล.เออีซี”ชี้ SET วันนี้ขึ้นทดสอบ1,650 จุด ชู 12 หุ้นเด่นเน้นกลุ่มพลังงาน-โรงแรมน่าเก็บ!
บล.เออีซี ประเมินดัชนีวันนี้ (29พ.ย.61) วันนี้คาด SET Index แกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,650 จุด แต่อาจเผชิญแรงแทขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงขายสุทธิตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.กว่า 1.4 หมื่น ลบ. และอาจกดดัชนีลงมาทดสอบแนวรับ 1,630 จุด
Investment Strategy
สัปดาห์นี้คาด SET Index ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,658 จุด (Fwd PE 15.0-15.4x) โดยแม้ตลอดทั้งเดือนพ.ย. นักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายสุทธิกว่า 1.4 หมื่น ลบ.แต่ดัชนีเริ่มกลับตัว โดยมีแรงซื้อสวนทางจากนักลงทุนสถาบัน ดังนั้นในช่วงนี้ประเมินว่านักลงทุนกำลังจับตาการประชุม G20 (30พ.ย.-1ธ.ค.) และประชุม OPEC (6 ธ.ค.) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเด็น Trade Wars และราคาน้ำมัน บวกกับมีแรงกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธปท.ซึ่งกระทบต้นทุนการทำธุรกิจ
ดังนั้นแนะนำหุ้น Domestic Play ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างจำกัด ดังนี้ 1) หุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกและกลุ่มโรงแรมซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีกระแสเงินสดแข็งแรง ได้แก่ SSP (S7.5,R7.9), BPP (S23.4,R24), GUNKUL(S3.06,R3.24), CENTEL(S41,R43) 2) หุ้นกลุ่มหนี้สินต่อทุนต่ำคาดได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยน้อย ได้แก่ TPIPP(S5.95,R6.30), HANA(S33.5,R35.25) 3) บริษัทที่ Fixed Coupon Rate และมีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวสูง ได้แก่ KTC(S33,R35), MTC(S46.5,R50), SAWAD(S47.25,R50) และ 4) หุ้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับลงแรง แต่มีโอกาสฟื้นตัวเร็วจากกำไรปี 62 ที่แข็งแกร่ง ได้แก่ BJC(S51.5,R53), BGRIM (S25,R27), MEGA(S31,R32.5
*** (S,R) = (Support, Resistance) ใน 1 สัปดาห์ ***
Market Talk
SAWAD (BUY: TP@61) คาดช่วงไตรมาส1/61 คาดกำไรยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่องจากการปรับนโยบายการตั้งสำรองของ BFIT ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลงมาก เราจึงคาด ปี 61 จะมีกำไรโต 2.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนจะกลับมาโตเด่น 32.1%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ในปี 62 หนุนด้วยแผนเปิดสาขาใหม่อีก 300-400 สาขา และการรับรู้ผลของ Asset Yield ที่ฟื้นตัวเต็มปี + Upside 31.8% จึงแนะนำ “ซื้อ”
ROBINS (BUY: Consensus [email protected]) กำไรช่วงไตรมาส 4/61 มีแนวโน้มโตเทียบไตรมาสก่อนหน้า และ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนด้วยกำลังซื้อในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น หลังบริษัทปรับ Product Mixed มาเน้นขายสินค้าในกลุ่ม Private Brand มากขึ้น ขณะที่ปี 62 คาดกำไรโต 12.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแผนขยายสาขาไซส์เล็กเจาะตลาดเมืองรอง และเริ่มใช้ระบบ Omni-Channel เพิ่มช่องทางขายและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน + Upside 14.7% จึงแนะนำ “ซื้อ”