“ยิว ฮอค โคว” ยันนำ SISB เข้าตลาดฯโปร่งใส มั่นใจฐานะการเงินแกร่งผลักดันรายได้โต 20%
“ยิว ฮอค โคว” ยันนำ SISB เข้าตลาดฯโปร่งใส มั่นใจฐานะการเงินแกร่งผลักดันรายได้โต 20%
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่า การที่บริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้นั้น เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง โปร่งใส ตามกรอบกฎหมายที่กำหนด นอกจากนี้ตนมีความเชื่อมั่นต่อปัจจัยพื้นฐานธุรกิจว่ามีความแข็งแกร่ง โดยมีรายได้เติบโตสม่ำเสมอเฉลี่ย 20% ต่อปี และมีผลประกอบการดีต่อเนื่อง ซึ่งเหมาะที่จะถือลงทุน
โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโต มาจากจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 250 คน และในงวด 9 เดือนแรกปี 2561 มีนักเรียนอยู่ที่ 2,334 คน และปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ในเครือข่ายทั้ง 5 แห่ง มีความสามารถรองรับนักเรียนได้จำนวนสูงสุด 4,175 คน
ขณะที่อัตราค่าเทอมเฉลี่ยอยู่ที่ 4 แสนบาทต่อปี ซึ่งเป็นอัตราระดับปานกลาง หากเทียบกับโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยที่มีอยู่ 175 แห่ง โดยในงวด 9 เดือนปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 690 ล้านบาท และมีรายได้รอรับรู้ล่วงหน้า 636 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมการศึกษา ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงทำให้ SISB มีรายประจำสม่ำเสมอต่อเนื่อง หรือเป็นธุรกิจ Recurring Income สมบูรณ์แบบ ส่วนกำไรสุทธิ ล่าสุดอยู่ที่ 71.54 ล้านบาท
ด้าน นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ SISB กล่าวว่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าผลการดำเนินงานของ SISB น่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความพร้อมในการพัฒนาการศึกษา และนักเรียนให้มีคุณภาพมากขึ้น
สำหรับเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นไอพีโอมูลค่ารวม 1,352 ล้านบาท บริษัทฯจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปลดล็อกภาระหนี้และภาระดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 30 ล้านบาทต่อปี ต่อจากนี้จะกลายเป็นบริษัทฯปลอดหนี้และเงินส่วนที่เหลือ 700 ล้านบาท จะนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจการศึกษา ปรับปรุงอาคาร และสถานที่ให้ทันสมัย เพิ่มศักยภาพโรงเรียนในกลุ่มให้เทียบเท่ากับมาตรฐานระดับสากล ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนมีคุณภาพการศึกษาในระดับที่ดีขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินการเติบโตในปี 2561 คาดมีกำไรสุทธิที่ระดับ 97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 442% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นเป็น 80% จากปี 2561 ในปี 2562 มาอยู่ที่ 175 ลบ. นอกจากนี้คาดการณ์การเติบโตของกำไรในปี 2562-64 ที่ราว 51% ต่อปี เนื่องจาก 1.การเติบโตของรายได้ 2. การบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นส่งผลให้ efficiency ต้นทุนการให้บริการทางการศึกษาดีขึ้น และ 3.คาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงในปี 2562 ราว 30-40 ล้านบาท เนื่องจากการชำระคืนเงินกู้ยืมภายหลังการ IPO
ทั้งนี้ SISB เป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนนานาชาติและได้นำหลักสูตรของประเทศสิงคโปร์มาใช้เป็นพื้นฐานในการจัดการเรียนการสอน ปัจจุบันมีโรงเรียนในกลุ่ม 5 โรงเรียนและเปิดสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลถึงม.6 สามารถรองรับนักเรียนได้สูงสุด 4,175 คน โดยคาดว่า SISB อยู่ใน Growth Stage เนื่องจากการลงทุนครั้งใหญ่เสร็จสิ้นแล้วทำให้มี Capacity รองรับการเติบโตของจำนวนนักเรียนได้ในช่วงระยะ 3-5 ปี ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปจะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวกำไร
เนื่องจากลักษณะต้นทุนส่วนใหญ่เป็นคงที่/กึ่งคงที่ทำให้ธุรกิจมี Operating Leverage (ทุกๆ การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักเรียนหรือรายได้ จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นในอัตราสูงกว่า) ซึ่งคาดว่า SISB จะมีการเติบโตของกำไรในปี 2562-64 ที่ราว 51% ต่อปี โดยมีปัจจัยสำคัญจาก 1.การเติบโตของรายได้ 2.Efficiency ที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนการให้บริการทางการศึกษา และ 3.คาดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2562 ที่ระดับ 8.84 บาท (DCF)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ธุรกิจโรงเรียน เป็นธุรกิจที่มีความได้เปรียบธุรกิจอื่น เนื่องจากในช่วงปิดเทอมการศึกษาค่าใช้จ่ายต่างๆ อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ จะปรับตัวลดลง ส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายลดลง ขณะที่บริษัทยังคงบันทึกรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนตามกฎเกณฑ์มาตรฐานทางบัญชี ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่โดดเด่นและนำไปสู่ตัวเลขกำไรสุทธิที่เติบโต